Sunday, February 23, 2014

โรคภูมิแพ้ กับสัตว์เลี้ยงแสนรัก...



เชื่อหรือไม่ว่า มีคนจำนวนมาก ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้ ทั้งนี้สาเหตุก็เพราะไม่ค่อยได้สังเกตตัวเอง และสภาพแวดล้อมภายนอกเท่าไหร่...

ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข จามนิดจามหน่อยไม่เป็นปัญหา ทิ้งไว้จนอาการหนักเข้า ถึงได้ไปปรึกษาหมอว่าตนเป็นอะไร พอหมอถามก็ไม่รู้ ตอบไม่ได้ว่า เป็นมานานเท่าไหร่ ผลก็คือเริ่มเดาสุ่ม นึกอะไรออกก็ตอบๆ ไป พอหมอถามว่า เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวหรือไม่? ก็รีบตอบไปเลยว่า "ใช่" พอกลับบ้านไปเจ้าตูบที่เคยรักหนักหนาก็ถึงคราวเคราะห์มีอันต้องระเห็จออกไปนอกบ้าน บางรายถึงขั้นปล่อยวัด สร้างทุกขเวทนาให้กับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย 

จริงๆ แล้ว สิ่งแรกที่เราทุกคนควรทำคือ การสังเกตตัวเอง การเจ็บไข้ได้ป่วยทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ การที่เราสามารถบอกข้อเท็จจริงได้ตรงมากเท่าไหร่ การรักษาย่อมประสบความสำเร็จตามนั้น คำถามของหมอก็เพื่อการค้นหาว่าโรคนั้นๆ เกิดจากอะไร คำถามว่าที่บ้านมีสัตว์เลี้ยงหรือเปล่า แท้จริงแล้วก็แค่เพื่อระบุอาการได้เลยจากคำตอบของเรา ดังนั้นจึงไม่ควรด่วนสรุปว่าไอ้ตูบ นังเหมียว มันเป็นต้นเหตุ จนกว่าจะได้ตรวจให้แน่นอนว่า "ใช่" หรือ "ไม่ใช่" ทั้งนี้ก็เพราะสาเหตุการเกิดภูมิแพ้มีมากมายหลายหลาก แทบจะเรียกได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกสามารถก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นเอย เกสรดอกไม้เอย ลองคนมันจะแพ้ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งถ้าจะให้ดีที่สุด มีข้อปฏิบัติบางข้อที่ควรทำอย่างเร่งด่วน ดังนี้ 


1. สร้างอาณาเขตปลอดเชื้อ เลือกห้องสักหนึ่งห้องในบ้าน จะดีที่สุดหากเป็นห้องนอนของคุณ ห้ามสัตว์เลี้ยงเข้ามาโดยเด็ดขาด ทำความสะอาดให้ปราศจากฝุ่นละออง เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ให้สะอาดเอี่ยมอ่อง หรือจะเลือกแบบปลอดเชื้อก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะอย่างน้อยที่สุดคุณก็ต้องอยู่ในห้องนี้เป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมงขณะนอนหลับ  

2. ทำบ้านให้สะอาด บ้านที่ดีคือบ้านที่สะอาด หากคุณมีบ้านสกปรกเต็มไปด้วยฝุ่นทุกตารางนิ้ว เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมา เราขอแนะนำให้คุณโทษตัวเอง เพราะบ้านที่ดีควรสะอาดปราศจากฝุ่นผง ฉะนั้นคุณควรทำความสะอาดให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถังขยะหมั่นเททิ้ง กวาดให้บ่อย มีเครื่องดูดฝุ่นก็ให้ใช้อย่าเอาไปเก็บ พัดลมอย่าทิ้งไว้จนฝุ่นเกาะใบเป็นฝอย ถอดล้างบ้าง ไส้กรองแอร์ก็ควรล้างควรเช็ด อะไรทำได้ก็ให้ทำ เพื่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว ไม่ใช่เฉพาะตัวคุณเอง  

3. อาบน้ำสัตว์เลี้ยง ห้องสะอาด บ้านสะอาด แต่เจ้าตัวเล็กสกปรกคงไม่มีประโยชน์ ดังนั้นอย่างน้อยๆ อาทิตย์หนึ่งควรอาบน้ำให้เขาอย่างน้อย 1 ครั้ง เพื่อสุขอนามัยทั้งครอบครัว หรือหากมันไม่ชอบอาบน้ำจริงๆ แนะนำให้หาผลิตภัณฑ์จำพวกแผ่นทำความสะอาดมาใช้ อาบน้ำไม่ได้ เช็ดตัวฆ่าเชื้อโรคก็ยังดี ทั้งนี้ พึงระลึกเสมอว่า ยิ่งเรากับสัตว์เลี้ยงใกล้ชิดกันมากเท่าไหร่ ความสะอาดยิ่งต้องเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น  

4. ถามตัวเอง สาเหตุที่จัดข้อนี้ไว้ลำดับสุดท้าย เนื่องจากเป็นข้อที่ทำได้ยากที่สุด และใช้เวลานานที่สุด เพราะคำถามนี้ควรถามตั้งแต่คุณเริ่มเลี้ยงสัตว์แล้วว่า "จะเลี้ยงแบบไหน ในบ้านหรือนอกบ้าน" หากคนที่เลือกเลี้ยงนอกบ้าน เมื่อประสบปัญหาคนในบ้านเป็นภูมิแพ้ ย่อมแก้ปัญหาได้ง่ายกว่า 

 
หากคุณเลือกที่จะเลี้ยงในบ้านตั้งแต่ต้นเลี้ยงมันตั้งแต่เล็กจนโต การจะผลักไสไล่ส่งให้มันไปนอนนอกบ้านเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะหมายความว่าคุณต้องปรับพฤติกรรมของเขาและพฤติกรรมของคุณ ซึ่งกว่าจะสำเร็จอาจกินเวลานาน 

สัตว์เลี้ยงตัวเล็กกับบุตรหลานตัวน้อย หากใครถูกล้างสมองมาว่า การให้เด็กๆ อยู่กับสัตว์เลี้ยงแล้วจะทำให้เป็นภูมิแพ้ ขอให้ปรับความคิดเสียใหม่ เพราะแท้จริงแล้วสัตว์หน้าขนนี่แหละ ที่จะช่วยให้บุตรหลานของคุณไม่เป็น ยืนยันด้วยการวิจัยนานาหัวข้อจากหลากหลายผู้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นหมอเฉพาะทางด้านภูมิแพ้ หรือกุมารแพทย์ ก็ล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเด็กที่อยู่ในบ้านที่เลี้ยงนั่นแล ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคลดลง และไม่เฉพาะแต่ภูมิแพ้สัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่ยังช่วยอาการแพ้อื่นๆ เช่น หญ้า ไรฝุ่น วัชพืช 

อธิบายง่ายๆ ก็คือ ยิ่งอยู่ในห้องปราศจากเชื้อมากเท่าไหร่ เวลาเจอสิ่งแปลกปลอมก็ยิ่งง่ายต่อการแพ้เท่านั้น แต่หากแวดล้อมด้วยขนหมา ขนแมว ร่างกายก็เหมือนมีการปรับตัวให้เข้าหาส่งผลให้เจ็บป่วยได้ยากขึ้น ทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากขึ้น 

การตรวจภูมิแพ้ในปัจจุบันทำได้ง่ายนิดเดียว เพียงเดินเข้าไปติดต่อที่แผนกหู คอ จมูก โรงพยาบาลศิริราช หรือคลีนิคภูมิแพ้ทั่วไป แจ้งความประสงค์ว่า ขอทดสอบ prick test เท่านี้ ก็เรียบร้อย สะดวก ไม่เจ็บและแม่นยำสูง รอผลเพียง 1 วัน รู้ได้ทันทีว่าคุณแพ้ หรือไม่แพ้อะไร

 
แหล่งที่มา  http://www.108health.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต



No comments:

Post a Comment