Sunday, November 24, 2019

9 วิธีสอนสุนัขขับถ่าย ฝึกน้องหมาเข้าห้องน้ำให้เป็นที่ ไม่ต้องตามเช็ดให้เหนื่อยอีกต่อไป !



9 สเต็ปสอน (เจ้า) ตูบสี่ขาให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง บ้านไหนน้องหมาเข้าห้องน้ำเรี่ยราด ต้องห้ามพลาดวิธีฝึกสุนัขขับถ่ายเหล่านี้เลย !

เชื่อว่าคนเลี้ยงสุนัขหลายคนต้องเคยเจอปัญหาน้องหมาอึและฉี่ไม่เป็นที่เป็นทาง บางครั้งก็ปล่อยเรี่ยราดจนเลอะข้าวของ แถมยังส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่เลี้ยงเอาไว้ในบ้าน อ๊ะ ๆ ๆ แต่จากนี้ไปไม่ต้องกังวลกันอีกแล้ว เพราะวันนี้กระปุกดอทคอมมีวิธีสอนสุนัขไม่ให้ขับถ่ายเรี่ยราด บอกลาปัญหาต้องคอยตามเช็ด ตามล้างให้เหนื่อยมาฝาก ว่าแต่ต้องทำอย่างไร มีขั้นตอนอะไร และมีเทคนิคแบบไหนบ้าง ตามมาดูวิธีสอนสุนัขให้เข้าห้องน้ำเป็นที่เป็นทางกันได้เลยค่ะ

1. เข้าใจพฤติกรรมของสุนัข

       การสอนสุนัขให้ขับถ่ายควรเริ่มต้นฝึกตั้งแต่ช่วงที่สุนัขมีอายุประมาณ 7½-8½ สัปดาห์ แต่ถึงแม้สุนัขของคุณจะมีอายุมากกว่านี้ก็สามารถฝึกฝนได้ เพียงแค่อาจจะฝึกยากและใช้เวลานานกว่าตอนที่ยังเป็นลูกสุนัขเท่านั้น ที่สำคัญอย่าลืมว่าสุนัขไม่สามารถเข้าใจเรื่องราวทุกอย่างได้ในทันที ฉะนั้นเจ้าของต้องให้เวลาและใจเย็นให้มาก ๆ รวมถึงควรหลีกเลี่ยงการทำโทษเวลาที่สุนัขไม่ปฏิบัติตามด้วย เพราะนั่นอาจจะทำให้เขากลัวและไม่เชื่อฟัง
          นอกจากนี้การสังเกตภาษากายของสุนัขก็เป็นสิ่งสำคัญเหมือนกัน เพราะหากเรารู้ว่าเมื่อไรสุนัขจะขับถ่าย ก็จะทำให้เราเตรียมรับมือกับมันได้ง่ายขึ้น โดยถ้าสุนัขของใครมีอาการเริ่มเดินวน ดมกลิ่น นั่งยอง และหางตั้งละก็ ให้รีบอุ้มไปเข้าห้องน้ำอย่างไว เพราะนี่คือสัญญาณบอกว่าถึงเวลาขับถ่ายแล้ว ส่วนถ้าหากฝึกไปฝนมาแล้วใครยังมีปัญหาสุนัขขับถ่ายเรี่ยราดอยู่ ให้ลองพูดเสียงดังว่า "อย่า" "ห้าม" หรือ "หยุด สักพักสุนัขก็จะเรียนรู้ตามสัญชาตญาณเอง 

2. กำหนดเวลาให้อาหาร

       เพื่อให้การสอนสุนัขขับถ่ายเป็นเรื่องง่ายขึ้น เจ้าของควรกำหนดตารางเวลาในการให้อาหารอย่างเหมาะสม พร้อมทั้งควรหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สุนัขกินอาหารตามต้องการด้วย เพราะถ้าหากสุนัขกินทั้งวัน ก็จะทำให้สุนัขขับถ่ายทั้งวัน โดยขั้นตอนแรกเจ้าของควรไปปรึกษากับสัตวแพทย์เพื่อกำหนดปริมาณอาหารที่สุนัขแต่ละตัวต้องการในแต่ละวันก่อน จากนั้นก็ลงมือทำตามตารางปริมาณการให้อาหารในแต่ละวัน พยายามอย่าให้สุนัขกินนอกเวลา และหลังจากให้อาหารไปประมาณ 20 นาที ควรรีบเทเศษที่เหลือทิ้งให้หมดทันที

3. เลือกสถานที่ให้เหมาะสม

       เจ้าของควรเลือกห้องน้ำให้เหมาะสมกับสุนัขแต่ละตัว พยายามหลีกเลี่ยงบริเวณที่คนพลุกพล่าน และที่สำคัญพื้นที่ขับถ่ายของสุนัขควรมีพื้นกว้างพอเหมาะกับขนาดของสุนัขด้วย เพราะเอาเข้าจริง ๆ เราคงไม่อยากเก็บอึหรือฉี่ในบริเวณเล็ก ๆ แคบ ๆ ที่ส่งกลิ่นเหม็นและสกปรกได้ง่ายแน่ อ้อ แต่บางครั้งสุนัขก็อาจจะเลือกห้องน้ำด้วยตัวเองบ้างเหมือนกัน ฉะนั้นก็ลองสังเกตดูว่าเจ้าตูบชอบวิ่งไปฉี่หรืออึที่ไหนบ่อย ๆ แล้วก็เอากระบะทรายไปวางบริเวณนั้นได้เลย

4. ฝึกให้ทำตามคำสั่ง

       เทคนิคที่ช่วยให้สุนัขขับถ่ายเป็นที่เป็นทางได้ง่ายดายขึ้น คือ การฝึกให้ทำตามคำสั่ง โดยขั้นแรกเจ้าของต้องพาสุนัขไปยังบริเวณห้องน้ำที่ต้องการก่อน จากนั้นก็ออกคำสั่งสั้น ๆ ง่าย ๆ เช่น "เข้าห้องน้ำ" "อึ" หรือ "เบ่ง" เสร็จแล้วรอจนกว่าสุนัขจะขับถ่าย พร้อมตบท้ายด้วยการให้รางวัล แต่ถ้าหากสุนัขไม่ยอมอึ ก็ให้พากลับเข้าบ้าน แล้วค่อยพาออกมาลองใหม่อีกครั้ง รับรองไม่นาน สุนัขก็จะขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ไม่ปล่อยเรี่ยราด และทำตามคำสั่งได้แน่นอน

5. ฝึกให้เข้าห้องน้ำ

       สำหรับเจ้าของคนไหนที่ต้องการให้สุนัขขับถ่ายในสวน แต่กลับเจอปัญหาเจ้าตูบวิ่งไปทั่วจนปล่อยระเบิดไม่เป็นที่เป็นทาง ลองนำเชือกมามัดสุนัขไว้กับที่ หรือไม่ก็หารั้วมากั้นกักบริเวณชั่วคราว ณ พื้นที่ที่เราต้องการจะให้สุนัขขับถ่าย จากนั้นรอจนกว่าเจ้าตูบจะอึหรือฉี่ แล้วค่อยปลดเชือก ปลดรั้วเพื่อปล่อยสุนัขออกมา รับรองไม่นานเกินรอสุนัขต้องจำห้องน้ำได้ และไม่ปล่อยฉี่หรืออึเรี่ยราดแน่นอน

6. ใช้กลิ่นหรือคราบเก่าเป็นเหยื่อล่อ

       เพื่อให้การฝึกสุนัขขับถ่ายเป็นเรื่องง่ายขึ้น เจ้าของสามารถนำกลิ่นหรือคราบจากฉี่และอึไปวางล่อไว้ในบริเวณที่ต้องการได้ โดยเหยื่อล่อนี้จะช่วยดึงดูดและบ่งบอกให้สุนัขรู้ว่ามาเข้าห้องน้ำถูกที่ถูกทางแล้ว หลังจากนั้นเมื่อสุนัขขับถ่ายในบริเวณดังกล่าวเสร็จเรียบร้อย ก็ค่อยนำเหยื่อล่อไปทิ้งได้เลย แล้วอย่าลืมทำความสะอาดห้องน้ำให้หายสกปรกด้วย เพราะถ้าหากพื้นที่เลอะเทอะมากเกินไป สุนัขก็จะหาที่ขับถ่ายใหม่เพื่อปล่อยระเบิดนั่นเอง (การทำความสะอาดช่วงแรก ๆ อาจจะเหลือร่องรอยของคราบฉี่และคราบอึไว้บ้าง เพื่อให้สุนัขจดจำจุดที่ขับถ่ายได้ เมื่อสุนัขเริ่มคุ้นเคยแล้ว ค่อยทำความสะอาดตามปกติ)

7. กำหนดเวลาขับถ่าย

       การกำหนดระยะเวลาขับถ่ายของสุนัขและพาไปเข้าห้องน้ำตามช่วงที่คาดการณ์ไว้ ถือเป็นการฝึกเจ้าตูบให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทางและเป็นเวลามากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ความถี่ของการเข้าห้องน้ำของสุนัขแต่ละตัวมักจะขึ้นอยู่กับอายุและสายพันธุ์ ให้เจ้าของลองสังเกตง่าย ๆ จากการฝึกขับถ่ายต่าง ๆ ว่าสุนัขมักจะเข้าส้วมเมื่อไหร่ ตอนไหน จากนั้นก็กำหนดตารางเวลา ตั้งเตือน และหาทางพาเจ้าตูบไปเข้าห้องน้ำ ฝึกบ่อย ๆ เรื่อย ๆ หลาย ๆ วันจนกระทั่งสุนัขสามารถขับถ่ายเป็นที่เองได้

8. ให้รางวัลเมื่อขับถ่ายเป็นที่

       เมื่อสุนัขกลับเข้าห้องน้ำที่เดิม อย่าลืมให้รางวัลเป็นขนม คำชม หรือพาไปวิ่งเล่น แต่ถ้าหากสุนัขไม่ยอมกลับเข้าห้องน้ำที่เดิม ให้พากลับเข้าบ้านทันที อย่าให้รางวัล หรือปล่อยให้วิ่งเล่น จากนั้นค่อยลองพาออกมาลองใหม่ ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าสุนัขจะจำที่ฉี่หรือจุดอึประจำของตัวเองได้

9. ทำความสะอาดคราบให้เอี่ยม

       ธรรมชาติของสุนัขมักจะกลับไปขับถ่ายในที่ประจำ ถ้าเราทำความสะอาดไม่หมด สุนัขจะกลับไปขับถ่ายซ้ำรอยเดิม แต่ถ้าเราทำความสะอาดหมดเกลี้ยง เจ้าตูบก็จะไม่กลับไปขับถ่ายอีก ฉะนั้นหากเจ้าของคนไหนไม่อยากให้สุนัขปล่อยระเบิดในบริเวณที่ไม่ต้องการละก็ ให้รีบทำความสะอาดให้หมดจดทันที แต่น้ำยาความสะอาดบ้านทั่วไปอาจจะช่วยกำจัดกลิ่นได้ไม่หมด ทางที่ดีเจ้าของควรมองหาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฉี่หรืออึของสุนัขโดยเฉพาะติดเอาไว้ด้วยจะดีกว่า
          แม้การฝึกสุนัขให้ขับถ่ายอย่างถูกต้อง เป็นที่เป็นทาง และไม่ปล่อยเลอะเรี่ยราดอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไป เพราะหากคุณอดทน ใจเย็น และพยายามสอนตามขั้นตอนดังกล่าว รับรองเลยว่าไม่ช้าก็เร็ว เจ้าตูบสี่ขาต้องเชื่อฟังและยอมทำตามแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก thesprucepets, americanhumane และ petloverscentre






Tuesday, November 5, 2019

มาวัดกัน..น้องหมาฉลาดและเข้าใจคุณ แค่ไหน ?


     น้องหมาของคุณฉลาดและเข้าใจคุณดีสักแค่ไหน ? (Dogazine)

1. หากคุณนำขนมใส่ไว้ในห่อ แล้วนำไปวางให้น้องหมา น้องหมาของคุณจะจัดการอย่างไรกับห่อขนมชิ้นนั้น ?

          A.  น้องหมาของฉันจะทำหน้างง ๆ แล้วเอาเท้าเขี่ยเล่น (1 คะแนน)
          B. น้องหมาของฉันจะพยายามทำทุกวิถีทาง ใช้ทั้งปากและเท้า เพื่อให้ได้ขนมในห่อ (2 คะแนน)
          C. น้องหมาของฉันสามารถเปิห่อขนมได้โดยใช้เพียงอุ้งเท้าเท่านั้น (3 คะแนน)

2. หากคุณนำของเล่นชิ้นโปรดของน้องหมาไปซ่อน เขาจะแสดงอาการอย่างไร ?

          A. น้องหมาของฉันจะเดินหาของเล่นด้วยท่าทีที่กระวนกระวายเป็นอย่างมาก (2 คะแนน)
          B. น้องหมาของฉันจะรีบวิ่งไปหา แล้วคาบของเล่นชิ้นนั้นกลับมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ (3 คะแนน)
          C. น้องหมาของฉันจะเลิกเล่นแล้วสะบัดหางไปนอน โดยที่ไม่สนใจจะตามหาของเล่นชิ้นนั้นอีกเลย (1 คะแนน)

3. หากคุณเรียกชื่อน้องหมา 1 ครั้ง เขาจะมีอาการตอบสนองต่อคุณอย่างไร ?

          A. เขาจะค่อย ๆ ถอยห่างจากฉัน ด้วยสีหน้าเรียบเฉย (1 คะแนน)
          B. เขาจะเดินมาหาฉัน แต่ก็หยุดแค่ครึ่งทาง (2 คะแนน)
          C. เขาจะรีบเดินตรงดิ่งมาหาฉัน พร้อมกระดิกหางรับ (3 คะแนน)

4. หากน้องหมาของคุณทำความผิด แล้วคุณตักเตือนเขาโดยการใช้น้ำเสียงที่ดังและดุดัน เขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองคุณอย่างไร ?

          A. เขาจะทำหน้าหงอย ๆ จ๋อย ๆ ไม่กล้าสบตาฉัน (3 คะแนน)
          B. เขาจะส่งเสียงเห่าสวนกลับฉันในทันที (1 คะแนน)
          C. เขาจะเอียงหน้ามองฉันเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกไปทำกิจกรรมตามอัธยาศัยของเขาต่อ (2 คะแนน)

5. หากคุณใช้คำสั่งเบื้องต้น บอกให้น้องหมา "คอย" เขาจะตอบสนองคุณเช่นไร ?

          A. เขาจะไม่สนใจฉันเลย และยังคงทำกิจกรรมใด ๆ ของเขาต่อไป (1 คะแนน)
          B. เขาหันมามองฉันอย่างฉงน แต่ไม่หยุดคอยตามคำสั่ง อาจกำลังคิดว่า "เจ้านายบ่นอะไรอีกแล้วเนี่ย" (2 คะแนน)
          C. เขาจะหยุดคอยตามคำสั่งของคุณทันที (3 คะแนน)

มาดูผลการทดสอบกัน!

 หากน้องหมาของคุณได้ 5-9 คะแนน

          น้องหมาของคุณมีระดับความฉลาดและเข้าใจคุณในระดับพื้นฐาน เขายังไม่สามารถเข้าใจวิธีการสื่อสารของคุณได้ จึงควรหมั่นฝึกฝนเขาอย่างสม่ำเสมอ อาจชวนเขาเล่นเกมต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้เขารู้จักการแก้ไขปัญหา และควรฝึกสอนเรื่องต่าง ๆ ซ้ำ ๆ เป็นประจำ ในที่สุดน้องหมาของคุณก็จะสามารถรับรู้และเข้าใจคุณมากขึ้นด้วยสัญชาตญาณของเขาอย่างแน่นอน และอย่าลืม ใส่ใจมอบความรักแก่เขาให้มากกว่านี้อีกนีสสส...นึงด้วยนะ

 หากน้องหมาของคุณได้ 10-14 คะแนน

          น้องหมาของคุณมีระดับความฉลาดและเข้าใจคุณในระดับดี หากคุณพยายามสื่อสารกับเขาให้มากขึ้น และมอบความรักแก่เขาอย่างสม่ำเสมอไม่ขาดตกบกพร่อง รับรองว่าเขาจะสามารถเรียนรู้และเป็นน้องหมาระดับอัจฉริยะได้ในไม่ช้า

 หากน้องหมาของคุณได้ 15 คะแนน

          น้องหมาของคุณ มีระดับความฉลาดและเข้าใจคุณในระดับดีมาก (เย้!) ทั้งในเรื่องของการปรับตัว หรือการเชื่อฟังคำสั่ง หากคุณฝึกฝนเขาอย่างสม่ำเสมอแบบนี้อีกต่อไป รับรองว่าเขาจะเป็นน้องหมาที่แสนฉลาดและเข้าใจคุณได้ดีที่สุด ชนิดว่ารู้ใจกันเลยเชียวล่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://pet.kapook.com/view16900.html

cr. pic.  https://www.pinterest.com/pin/747597606877143178/?nic=1a&sender=747597744302106845

Saturday, November 2, 2019

10 ไม้เด็ดปรับพฤติกรรมน้องหมาชอบทำลายสวนให้หมดไป !


          มาบอกลาปัญหาน้องหมาที่ชอบเข้าไปเล่นซนในสวนจนต้นไม้เสียหาย ด้วยวิธีเด็ด ๆ ที่เจ้า 4 สี่ขาหน้าใสต้องจดจำไปตลอดว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ควรทำ
 
           อย่าปล่อยให้ความฝันที่อยากจะมีสวนสวย ๆ ไว้ในบ้านต้องพังทลายไป เพราะฝีมือน้องหมาสี่ขาตาแป๋วที่ยืนสำนึกผิดหลังไปตะลุยขุดคุ้ยสวนจนเสียหายไม่เป็นท่าเด็ดขาด ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงนำเอาไม้เด็ดทั้ง 10 วิธีที่จะทำให้น้องหมาได้เรียนรู้ว่าสวนเขามีไว้ให้ผ่อนคลายไม่ได้มีไว้ให้ทำลายนะตูบ ไม่ว่าจะคนที่เลี้ยงน้องหมาหรือคนที่ไม่ได้เลี้ยงก็น่าจะดูไว้เพื่อนำไปใช้ป้องกันก่อนที่คุณจะไม่มีสวนไว้ให้เชยชมอีกต่อไป
 
1. สืบหาสาเหตุให้รู้ชัด

           พฤติกรรมการขุดคุ้ยดินอาจดูเป็นเรื่องที่น่าสงสัยสำหรับมนุษย์ แต่มันกลับกลายเรื่องปกติของน้องหมาเวลาที่ต้องการหลีกหนีจากความร้อน รู้สึกเบื่อ หรือหาอะไรบางอย่างที่อยู่ในดินซึ่งเราจะสังเกตได้จากการขุดคุ้ยอย่างไม่หยุดยั้งนั่นเอง และสายพันธุ์ที่ถือว่าเป็นจอมขุดตัวยงก็คงจะหนีไม่พ้น ไซบีเรียน ฮัสกี้ ที่เห็นพื้นดินเมื่อไรงานขุดต้องมาทันที

2. โรยเปลือกถั่วคลุมหน้าดินใต้ต้นไม้ซ่อนพื้นดิน
           ถ้าน้องหมาชอบขุดดินไม่เลือกขนาดหนัก เราก็ต้องป้องกันหน้าดินใต้ต้นไม้โดยการโรยเปลือกพืชที่มีลักษณะแข็งอย่างเช่น เปลือกถั่วชนิดต่าง ๆ คลุมทับให้มิดไปเลย เพื่อปิดบังพื้นที่จุดสำคัญไม่ให้น้องหมาเข้าไปยุ่ง

3. กั้นรั้วให้รู้ว่าไม่ควรเข้าไปซุกซนในสวน

           เรียกได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาในขั้นต้นที่คนรักเจ้าตูบที่ไหนก็ทำได้ แค่มองหารั้วเตี้ย ๆ ในแบบที่เราชอบมากั้นขอบเขตอาณาบริเวณของสวนดอกไม้ให้รอบ เพื่อสร้างสิ่งกีดขวางที่น้องหมาสามารถเห็นได้ชัดเจน พร้อมทั้งจดจำและเรียนรู้ว่าสวนของเราเป็นพื้นที่ที่ไม่ควรเข้าไปขุดคุ้ย

4. ทำที่ให้น้องมาขุดดินเล่นเป็นที่ประจำ

           หากคุณไม่กล้าพอที่จะงัดไม้เด็ดมาใช้กับน้องหมาสุดที่รัก เราขอแนะนำว่าควรจะจัดหาพื้นที่เพื่อการขุดดินให้เขาไปเลย จะกั้นพื้นที่ไว้ข้าง ๆ หรือมองหาทำเลที่ห่างจากแปลงดอกไม้ก็ได้เช่นกัน

5. เป่าลูกโป่งแล้วซ่อนกลบฝังดิน
          
           วิธีนี้อาจจะดูใจร้ายไปหน่อยสำหรับน้องหมาขาตกใจ ให้ลองสังเกตดูดี ๆ ว่าพื้นดินตรงส่วนไหนที่น้องหมาของคุณชอบไปขุดคุ้ยมากที่สุด พอเขาเผลอก็ให้รีบเป่าลูกโป่งใบขนาดพอเหมาะไปฝังกลบในดินตรงบริเวณนั้น เมื่อน้องหมากลับมาขุดอีกรอบเขาก็จะเจอเซอร์ไพรส์ที่ทำให้สตั๊นไปชั่วขณะพร้อมกับเข้าใจเองเลยว่าไม่ควรขุดดินอีกนะตัวเอง

6. โรยผงเครื่องเทศเผ็ดร้อนรอบ ๆ สวนที่คุณรัก
           ไม่ว่าจะเป็นน้องหมาสายพันธุ์ไหนต่างไม่ชอบใจกับกลิ่นฉุนของเครื่องเทศรสเผ็ดร้อนทั้งนั้น และถ้าคุณไม่ได้มีอาการภูมิแพ้แนะนำให้โรยพริกป่นบาง ๆ รอบแปลงดอกไม้ เพื่อสร้างเกราะกลิ่นป้องกันให้เขารู้ว่าไม่ควรเข้าใกล้โดยเด็ดขาด

7. ปลูกดอกกุหลาบให้น้องหมากลัวหนาม

           ในแปลงดอกไม้อาจจะมีอะไรดีสักอย่างที่ทำให้น้องหมาชอบไปขุดเล่นก็เป็นได้ ฉะนั้นเราจึงต้องเปลี่ยนความคิดเขาใหม่ว่าในแปลงดอกไม้สวย ๆ ก็มีเรื่องน่ากลัวอยู่เหมือนกันนะ แค่ทำใจแข็งสักหน่อยแล้วเปลี่ยนมาปลูกดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเอาไว้แทน เท่านี้แปลงดอกไม้ก็จะไม่ใช่สถานที่โปรดของน้องหมาอีกต่อไป

8. วางกลิ่นแอมโมเนียสร้างรั้วกลิ่นฉุนที่มองไม่เห็น
           อีกหนึ่งกลิ่นที่โหดร้ายสำหรับน้องหมาไม่แพ้เครื่องเทศนั่นก็คือ แอมโมเนีย ให้เทแอมโมเนียลงไปบนถุงกรองกาแฟแล้วนำไปตั้งไว้ตามจุดบริเวณรอบแปลง เหมือนกับการสร้างรั้วกลิ่นที่มองไม่เห็นให้น้องหมาไม่กล้าเข้าใกล้

9. คอยกำกับดูแลน้องหมาให้วิ่งเล่นอย่างเป็นระเบียบ

           อย่าปล่อยให้น้องหมาออกไปวิ่งเล่นตามลำพังเด็ดขาด หากคุณไม่ต้องการใช้วิธีป้องกันที่เราแนะนำไปทั้งหมด ดังนั้นควรจะตั้งเวลาพาเขาออกไปวิ่งเล่นในสวน โดยที่เราต้องคอยกำกับอยู่ตลอดเวลา เมื่อไรที่เห็นท่าไม่ดีว่าน้องหมากำลังจะขุดดินให้รีบส่งสัญญาณทันทีว่าห้ามขุดเด็ดขาด

10. เบี่ยงความสนใจพาน้องหมาไปเดินเล่นแทน

           ถ้าคุณลองใช้ไม้เด็ดทั้งหมดที่ว่ามาแล้วยังไม่ได้ผล เห็นทีคงต้องพึ่งวิธีทางจิตวิทยาของ Cesar Millan Jedi ครูฝึกสุนัขฝีมือเยี่ยมที่แนะนำว่าให้พาน้องหมาของคุณเดินเล่นสัก 2 รอบ เพื่อให้เขาหมดแรงและเบี่ยงเบนความสนใจไม่ให้เขาหันกลับไปขุดดินอีก

          ใครที่กำลังประสบกับปัญหานี้อยู่ก็อย่าลืมนำเอาวิธีเด็ด ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปลองทำตามกันดูนะคะ ก่อนที่แปลงดอกไม้สวย ๆ ของคุณจะกลายสภาพเป็นกองขยะดอกไม้ไปซะงั้น


ขอขอบคุณข้อมูลจาก sheknows , hesellstheseshells  และ potholesandpantyhose
https://home.kapook.com/view127105.html
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/747597606877326283/

Tuesday, October 22, 2019

ทำความสะอาดบ้านให้ปลอดภัย เอาใจคนรักสัตว์

         


         เหตุผลหลัก ๆ ที่เราทำความสะอาดบ้าน นอกจากเพื่อให้บ้านมีสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัยแล้ว ก็ยังเพื่อสร้างสุขอนามัยที่ปลอดภัยกับคนในบ้านด้วย ยิ่งสำหรับคนที่มีสัตว์เลี้ยงแสนรักอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสุนัข หรือน้องเหมียว คงต้องเพิ่มความสะอาด และความปลอดภัยในบ้านเพื่อสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ด้วย ซึ่งหากว่าคุณยังไม่รู้จะจัดการทำความสะอาดบ้านยังไง ให้ปลอดภัยกับทั้งคนและสัตว์เลี้ยง ก็ลองมาดูเคล็ดไม่ลับเหล่านี้ แล้วนำไปใช้ให้ถูกวิธีกันนะคะ

1. เลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่ผสมน้ำมันหอมระเหย

          แม้ว่าน้ำยาทำความสะอาดสูตรธรรมชาติ จะไร้สารเคมี และดูปลอดภัยกับสุขภาพของคน แต่กลับมีอันตรายกับสัตว์เลี้ยงสี่ขาของเราพอสมควร โดยเฉพาะน้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหย (Essential Oils) กลิ่นส้ม ไซรตรัส และกลิ่นผลไม้ชนิดอื่น ๆ ดังนั้นทำความสะอาดบ้านครั้งต่อไป ก็พยายามหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประเภทนี้ด้วยนะคะ

2. ใช้น้ำยาถูพื้นที่ไม่มีฤทธิ์รุนแรง

          มีหลายต่อหลายเสียงที่บอกว่า บ้านที่มีสัตว์เลี้ยงไม่ควรใช้น้ำยาถูพื้น เนื่องจากหากน้องหมา น้องแมว เผลอไปเลียพื้นที่เพิ่งถูเสร็จหมาด ๆ อาจโดนพิษของสารเคมีในน้ำยาถูพื้นทำอันตรายเอาได้ แต่จริง ๆ แล้วทางผู้เชี่ยวชาญ (Pet Poison Helpline) ก็เผยว่า ยังไม่ปรากฎหลักฐานที่แน่ชัดสักรายว่า น้ำยาถูพื้นส่งผลให้น้องหมาน้องแมวเจ็บป่วยถึงแก่ชีวิต แต่เราควรเลือกแบบที่ไม่มีสารรุนแรงในน้ำยาจะดีกว่านะคะ

3. เก็บน้ำยาทำความไว้ในที่ปลอดภัย

          ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์ หากกลืน หรือดมกลิ่นน้ำยาทำความสะอาดสารพัดชนิดในปริมาณที่เข้มข้น ก็มีสิทธิ์เวียนหัว อาเจียน และท้องร่วงได้ ดังนั้นหลังจากทำความสะอาดบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ควรเก็บน้ำยาเช็ดกระจก น้ำยาถูพื้น น้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ไว้ในที่ปลอดภัย ห่างจากเด็ก และไม่มีโอกาสตกแตก หรือรั่วไหลเด็ดขาดด้วยนะจ๊ะ

4. แขวนกรงนกไว้ให้ห่างตัวบ้าน

          ลักษณะทางกายภาพของนกค่อนข้างแตกต่างจากสัตว์เลี้ยง เช่น หมา หรือแมว เพราะนกเป็นสัตว์ปีกที่สามารถบินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ ที่สำคัญในตัวนกเองก็ไม่มีปอด แต่จะมีถุงลม (Air Sac) ทำหน้าที่แทนปอด ซึ่งถุงลมที่ว่านี้ไม่มีความสามารถมากพอจะคัดกรองสารพิษที่นกสูดดมได้ ดังนั้นบ้านไหนที่เลี้ยงนก ควรจะขยับกรงนกออกไปให้ห่างตัวบ้าน เพื่อให้นกปลอดภัยจากกลิ่นสี กลิ่นน้ำยาทำความสะอาด และกลิ่นเผาไหม้จากกระทะเทฟรอนในระหว่างที่คุณทำอาหารด้วย

5. เก็บเครื่องปรุงรสในภาชนะที่มีฝาปิด

          หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า เครื่องปรุงรสอย่างกระเทียม หัวหอม ถั่ว และผลไม้อย่างองุ่น และลูกเกด สามารถก่อให้เกิดโรคไตวายในสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระเทียมและหัวหอม ที่ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงเกิดโรคโลหิตจางขั้นรุนแรงได้เลย รวมทั้งถั่วทุกชนิดก็อาจทำให้น้องหมา น้องแมวเกิดภาวะอัมพาตชั่วคราวได้ด้วย ฉะนั้นคุณจึงต้องเก็บอาหาร และเครื่องปรุงรสเหล่านี้ด้วยความระมัดระวัง หากสามารถบรรจุไว้ในภาชนะที่มีฝาปิดแน่นหนาได้ก็จะดีมาก

6. แยกเก็บอาหารและยาของสัตว์เลี้ยง ให้ชัดเจน

          กรณีหยิบอาหารและยาผิดประเภท หรือสลับกันกินเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นความสะเพร่าที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว เนื่องจากหากคุณหยิบยาสำหรับสัตว์เลี้ยงมาให้ลูกรักกิน หรือหยิบยาของคนไปป้อนหมา และแมว โอกาสที่เด็ก และสัตว์เลี้ยงจะแพ้ยาก็มีสูงมาก แถมบางรายยังอาจถึงขั้นหายใจหอบ รวมทั้งขนหลุดร่วงหมดตัวได้เลยนะ และเพื่อเลี่ยงเหตุผิดพลาดเช่นนี้ ก็ควรจัดเก็บยาของสัตว์เลี้ยงและคนแยกออกจากกันอย่างชัดเจนที่สุด

7. อย่าให้สุนัขเฉียดใกล้ต้นปาล์ม
          สำหรับบ้านที่มีสวน และปลูกต้นปาล์มไว้หลายต้น อาจจะต้องสร้างรั้วกั้นสุนัขไม่ให้มาวิ่งเล่นเพ่นพ่านแถวต้นปาล์มสักหน่อยแล้วล่ะ เพราะว่าต้นปาล์มกับสุนัขไม่ค่อยถูกกันเท่าไร หากน้องหมาของเราเผลอไปเคี้ยวลูกปาล์มขึ้นมา อาจจะเสี่ยงเป็นโรคตับล้มเหลวได้เลยทีเดียว

8. ระวังน้องแมวอย่าให้เล่นดอกลิลลี่

          ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ดอกลิลลี่เป็นดอกไม้ที่สวยมาก ๆ แต่หากบ้านคุณมีเจ้าเหมียวอาศัยอยู่ด้วย ก็ไม่ควรปลูกดอกลิลลี่ หรือนำดอกลิลลี่มาปักแจกันแต่งบ้านโดยเด็ดขาด เนื่องจากในดอกลิลลี่มีสารพิษชนิดหนึ่งที่สามารถฆ่าน้องเหมียวของเราให้สิ้นชีพได้ง่าย ๆ ขนาดแค่แมวกินน้ำในแจกันที่ปักดอกลิลลี่อยู่ ก็อาจทำอันตรายถึงชีวิตได้เลยล่ะค่ะ


9 .ตรวจเช็กถังซักผ้าก่อนปั่นน้องแมวไปด้วย

          ทาสแมวทุกคนน่าจะรู้ดีว่า เจ้าเหมียวของเราโปรดปรานพื้นที่อุ่น ๆ มากแค่ไหน ยิ่งมีที่กำบังด้วยแล้วยิ่งชอบใจมาก ๆ แม้แต่ในถังซักผ้าของเครื่องซักผ้าเองก็ไม่เว้น ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบโยนเสื้อผ้าใส่แล้วลงไปค้างไว้ในเครื่องซักผ้าเสมอ ๆ ก่อนเดินเครื่องซักผ้าก็น่าจะต้องใช้มือควาน ๆ ลงไปในถังซักสักนิด เพื่อตรวจสอบว่า มีเจ้าเหมียวนอนซุกตัวอยู่ในถังซักผ้าบ้างหรือเปล่า ไม่เช่นกันอาจเกิดเหตุสลดใจ ปั่นซักน้องเหมียวไปด้วย

10. ดูดฝุ่นพรมบ่อย ๆ ป้องกันภูมิแพ้

          น้องหมา น้องแมว เห็นพื้นพรมเป็นไม่ได้ ต้องเข้ามานอนเกลือกกลิ้งผืนพรมบ่อย ๆ โดยเฉพาะแมวที่ชอบฝนเล็บกับพรม และโซฟาของเรามาก ๆ ฉะนั้นหากคุณเองก็มีลูกน้อยวัยกำลังคลาน ก็ควรต้องทำความสะอาดพื้นพรม และโซฟาบ่อย ๆ โดยดูดฝุ่นอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้งก็ได้ หรือถ้าขยันหน่อยจะดูดฝุ่นทุกวันก็ยิ่งดีค่ะ เด็ก ๆ จะได้ไม่เสี่ยงเป็นโรคภูมิแพ้จากขนสัตว์


          สัตว์เลี้ยงก็เปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัวของเราเช่นกัน ดังนั้นเราก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด และหากว่าคุณเองก็มีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้าน ก็อย่าลืมดูแลบ้านให้ปลอดภัยทั้งกับคนและสัตว์เลี้ยงด้วยนะจ๊ะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
https://home.kapook.com/view80473.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/747597606877511477/?nic=1a


Friday, October 18, 2019

คิดให้ดีก่อนจะให้ของขวัญเป็นสัตว์เลี้ยง


คิดให้ดีก่อนจะให้ของขวัญเป็นสัตว์เลี้ยง
โดย สพ.ญ.อรญา ประพันธ์พจน์ สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน

            ได้เวลาเทศกาลแห่งการให้อีกวาระหนึ่งแล้ว ช่วงเวลาเช่นนี้เป็นเวลาแห่งความสุข ที่หลาย ๆ คนจะต้องคิด ค้น และหาของขวัญเพื่อให้คนที่เรารักได้รับของที่มีค่าและมีความสุข ของขวัญที่เราให้นั้น หากเป็นสิ่งของ ของให้หากผู้รับไม่ถูกใจเขาสามารถเก็บไว้ (จนลืม) หรืออาจจะนำให้คนอื่นต่อเป็นการ Reuse เพื่อลดโลกร้อน แต่ถ้าของขวัญชิ้นนั้น ๆ เป็นสิ่งมีชีวิตละอาจจะเป็นลูกหมา ลูกแมว ถ้าคนที่ได้รับ เกิดดูแลไม่เป็นหรือดูแลไม่ดี หรือไม่ดูแลเลย ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร ดังนั้น หากคิดจะให้ลูกหมาลูกแมว เป็นของขวัญแก่ใครต้องคิดกันให้ดีก่อน หมอมีข้อแนะนำในการให้สัตว์เลี้ยงเป็นของขวัญ ดังนี้

1. มั่นใจว่าคนรับนั้นอยากเลี้ยงน้องหมาจริง ๆ

            เราต้องมั่นใจว่าคนรับนั้นมีความประสงค์ที่อยากจะเลี้ยงน้องหมาจริง ๆ จะต้องรู้สึกลงไปเลยว่าอยากได้พันธุ์ไหนมาเลี้ยงชอบตัวผู้หรือตัวเมีย ถ้าหากว่ายังไม่มั่นใจก็อย่าเพิ่งไปให้น้องหมาเป็นของขวัญเด็ดขาด โดยเฉพาะหนุ่ม ๆ ที่นิยมซื้อน้องหมาให้สาว ๆ เป็นของขวัญ เพียงแค่สาวเปรยว่า อยากได้ลูกหมามาเลี้ยงซักตัว ขอย้ำว่าถ้าสาวเจ้านั้นไม่รักน้องหมาจริงหรือเกิดเลิกกันไปคนที่เดือดร้อนคือน้องหมานะคะ

 2. พิจารณาถึงชีวิตการเป็นอยู่และสภาพแวดล้อมของคนรับด้วย
            ในกรณีนี้ ถึงแม้ว่าจะแน่ใจว่าคนรับจะมีใจรักน้องหมาจริง ๆ และต้องการเลี้ยงน้องหมามาก ๆ ต้องคำนึงถึงอาชีพของเขา สภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของเขาด้วย คนที่มีอาชีพที่ต้องเดินทางตลอดเวลา หรือไม่ค่อยได้อยู่บ้านก็ไม่ควรให้น้องหมาเป็นของขวัญเพราะจะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้เขาแทนที่จะเลี้ยงด้วยความสุข เขากลับต้องคอยตะลอน ๆ พาน้องหมาไปฝากเลี้ยงตามที่ต่าง ๆ ในช่วงเวลาที่ตัวเองไม่อยู่นั้นเอง หรือถ้าที่พักของคนรับนั้นไม่ต้อนรับน้องหมาเนื่องจากมีกฎข้อบังคับห้ามเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น คอนโด อพารต์ เมนท์ หรือบ้านเช่า ก็ไม่ควรให้น้องหมาเป็นของขวัญเด็ดขาด เพราะให้ไปแล้วก็เท่ากับว่าผู้รับต้องไปหาที่อยู่ใหม่นั้นเอง

            และที่สำคัญต้องดูฐานะของผู้รับด้วยว่ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องหมาไหวหรือไม่ ตั้งแต่ค่าอาหาร ค่ากรง ค่าแชมพู ค่าอาบน้ำตัดขน และค่าบริการ ทางการแพทย์ในกรณีเจ็บป่วย เพราะการเลี้ยงน้องหมาหนึ่งตัว ตั้งแต่เป็นลูกหมาจนถึงตายจากไปตอนอายุ 10 ปีนั้น เขามีค่าใช้จ่ายตลอดเวลา แต่เขาก็ตอบแทนเราด้วยความรักและความซื้อสัตย์ตลอดชีวิตเขาให้กับเรา

 3. พิจารณาวัยของผู้รับด้วย

           เมื่อคนรับนั้นความเป็นอยู่ที่ดีและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ก็ต้องพิจารณาวัยวุฒิของผู้รับด้วย เพราะหากวัยวุฒิยังเด็กอยู่ ก็จะต้องพูดคุยกับผู้ปกครองก่อนเลยว่าโอเคไหม เพราะถ้าผู้ปกครองไม่โอเค แล้วเราไปให้น้องหมาเป็นของขวัญ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาในภายหลังได้ หรือในกรณีที่ผู้รับเป็นผู้สูงอายุ ในกรณีที่เกษียณจากอายุราชการ ก็จะต้องศึกษาดูปัญหาสุขภาพของท่านด้วยว่าแข็งแรงพอหรือไม่ เพราะความหวังดีจะกลายเป็นประสงค์ร้าย กลายเป็นหาเรื่องเดือนร้อนให้คนแก่โดยไม่จำเป็น

 4. การเลือกน้องหมาให้เหมาะสมกับผู้รับ

           ปัจจัยภายนอกที่เราต้องคำนึงร่วมในการตัดสินใจซื้อน้องหมาเป็นของขวัญมีดังนี้

           • บ้านผู้รับเลี้ยงสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ อยู่ในบ้านหรือไม่ เช่น บ้านเขามี น้องหมา น้องแมว นก หรือกระต่าย เลี้ยงอยู่หรือไม่ ซึ่งสัตว์เหล่านี้อาจเป็นศัตรูกับน้องหมาที่เราให้เป็นของขวัญได้

           • ประเภทของที่อยู่อาศัยเป็นอย่างไรเหมาะกับน้องหมาพันธุ์ไหน อาทิเช่น ถ้าน้องหมาที่เป็นของขวัญเป็นน้องหมาพันธุ์ โกลเดน รีทรีฟเวอร์ ก็ต้องมีที่วิ่งเล่นให้ออกกำลังกาย มันจึงควรอยู่บ้านเดียว ไม่ใช่ตึกแถว และหากผู้รับอาศัยอยู่ตึกแถวหมาพันธุ์ที่เหมาะสมคือพันธุ์ ที่ไม่ต้องการการออกกำลังกายมากเท่าไร เช่น กลุ่มทอยเป็นต้น

           • ความชอบของผู้รับ คนที่เราให้หมานั้นชอบหมาตัวใหญ่หรือตัวเล็ก เพราะบางคนชอบเลี้ยงน้องหมาตัวใหญ่ เพราะพัดได้เต็มไม้เต็มมือ หรือบางคนก็ชอบน้องหมาตัวเล็กจะได้อุ้มไปไหนมาไหนได้ พานั่งตะกร้ามอเตอร์ไซด์ไปเที่ยวไหน ๆ ก็ได้

 5. ความปลอดภัย

           ในกรณีที่เราพิจารณา แล้วยังไม่ค่อยมั่นใจว่าผู้รับของขวัญอยากได้น้องหมาพันธุ์ไหนแน่ ขอแนะนำว่า เราควรเลือกแบบปลอดภัยไว้ก่อน ด้วยการซื้อข้าวของเครื่องใช้เกี่ยวกับน้องหมาให้เขาแทนก่อน เช่น เลือก ชามข้าว ปลอกคอ สายจูง ของเล่น แล้วห่อเป็นของขวัญมอบให้ แทนที่จะให้น้องหมาตัวเป็น ๆ เพื่อความมั่นใจว่า ผู้รับจะรักและ รับผิดชอบชีวิตน้องหมาได้ตลอดชีวิตจริง ๆ ถ้าผู้รับโอเคแล้ว ค่อยจูงมือไปเลือกน้องหมามาเลี้ยงด้วยตัวของเขาเอง

           และที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่หมอคิดว่าเป็นการให้เพื่อเตรียมความพร้อมของผู้รับน้องหมา คือ ให้หนังสือเกี่ยวกับการเลี้ยงน้องหมาพันธุ์ที่จะให้เป็นของขวัญก่อนก็ได้ค่ะ เพื่อดูความสนใจของผู้รับว่าชอบน้องหมาจริงหรือไม่ แม้ว่าของขวัญชิ้นนี้จะยุ่งอยากสักนิดก่อนให้แต่เมื่อบททดสอบทุกอย่างผ่าน เราได้ให้น้องหมาเป็นของขวัญแล้ว รับรองของขวัญชิ้นนี้จะสร้างความประทับใจกับผู้รับมิรู้ลืมเพราะความน่ารักและความซื่อสัตย์ของน้องหมาจะสร้างความสุขให้ผู้รับแบบที่ของขวัญชิ้นอื่นทำให้ไม่ได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก



https://pet.kapook.com/view57282.html

เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/747597606877716315/?nic=1

Wednesday, October 16, 2019

10 วิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน กวาดทิ้งง่ายไม่ฟุ้งกระจาย



          วิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นขนหมาในบ้านหรือขนแมวในห้อง ก็ไม่เหลือกวนใจ ด้วย 10 วิธีทำความสะอาดขนสัตว์ในบ้านง่าย ๆ

          คนเลี้ยงสัตว์ในบ้านมักจะปวดหัวกับขนสัตว์ที่ฟุ้งกระจาย บ้างก็ติดอยู่ตามโซฟา บ้างก็เกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น โดยเฉพาะช่วงที่สัตว์ผลัดขน วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวบรวมวิธีกำจัดขนสัตว์ในบ้าน ทั้งวิธีกำจัดขนหมาในบ้าน วิธีกำจัดขนแมวในห้องด้วยเครื่องดูดฝุ่น ลูกกลิ้งกำจัดขน และอื่น ๆ อีกมากมายจากของใช้ในบ้าน เพื่อจบปัญหากวนใจเรื่องขนสัตว์ฟุ้งกระจายเต็มบ้าน กวาดเท่าไรก็ไม่สะอาดสักที !

1. ฟองน้ำ
 
          การกำจัดขนสัตว์เลี้ยงบนโซฟาเป็นเรื่องยากพอสมควร เพราะมันชอบเข้าไปติดอยู่ตามซอกเล็ก ๆ แต่ฟองน้ำช่วยได้ค่ะ เพียงแค่นำฟองน้ำแห้งที่มีอยู่ในบ้านมาปาดเส้นขนบนโซฟาออกเบา ๆ เพื่อไม่ให้ขนฟุ้งกระจายและหลุดออกจากโซฟาจนหมด
 
2. ถุงมือยาง
 
          ใช้มือเปล่าหยิบขนสัตว์อาจจะยาก แนะนำให้หาถุงมือยางที่ใช้ทำความสะอาดภายในบ้าน และที่สำคัญต้องเป็นถุงมือแห้งไม่เปียกน้ำด้วยนะคะ หลังจากสวมถุงมือแล้วก็หยิบขนสัตว์ออกจากโซฟาให้หมด เพราะถุงมือยางจะเสียดสีและทำปฏิกิริยาเกิดไฟฟ้าสถิตกับโซฟา ทำให้ขนสัตว์หลุดออกจากโซฟาได้ง่ายขึ้น
 
3. โรลกำจัดขนทำเอง
 
          ถ้าโรลกำจัดฝุ่นมันแพงนัก เราก็จัดการ DIY โรลกำจัดเส้นขนเองเลยดีกว่า โดยเริ่มจากนำเทปกาวอย่างหนามาพันไว้ที่หัวลูกกลิ้งทาสีอันเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว พันแบบหันด้านเทปกาวออกข้างนอกให้ทั่วหัวลูกกลิ้ง แล้วนำไปกลิ้งตามจุดที่มีขนสัตว์เลี้ยงให้หมด


4. สเปรย์น้ำยาปรับผ้านุ่ม
 
          นอกจากโซฟาบุนวมแล้ว ตามเฟอร์นิเจอร์เนื้อเรียบชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ได้บุนวมก็ชอบมีขนสัตว์เลี้ยงเกาะเต็มไปหมด จะหยิบออกก็ยากเย็นเหลือเกิน แนะนำให้ผสมน้ำเปล่ากับน้ำยาปรับผ้านุ่มในปริมาณที่เท่า ๆ กัน เทใส่ขวดสเปรย์ แล้วนำไปฉีดบริเวณที่มีขนสัตว์เลี้ยง ใช้ผ้าสะอาดเช็ดออก ขนสัตว์ก็จะหลุดออกอย่างง่ายดาย
 
5. น้ำยาขัดเงาเนื้อไม้
 
          บ้านไหนที่แต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ แนะนำให้ใช้นำยาขัดเงาเนื้อฉีดพ่นลงไป แล้วใช้ผ้าขนนุ่มที่ใช้ทำความสะอาดเนื้อไม้โดยเฉพาะเช็ด เจ้าขนสัตว์ที่น่ารำคาญก็จะหลุดออก ง่ายต่อการกวาดและรวบไปทิ้งเลยค่ะ

6. โรลม้วนผม
 
          งานนี้ง่ายเลยค่ะสาว ๆ หากสาวคนไหนที่มีโรลม้วนผมติดบ้านไว้ ก็ให้นำออกมาถูไปบนเฟอร์นิเจอร์หรือพื้นผิวที่มีขนสัตว์ติดอยู่ บรรดาเส้นขนสัตว์ที่น่ากวนใจก็ถูกเกี่ยวติดไปกับโรลจนหมดเกลี้ยง ไม่มีเหลือให้กวนใจอีกต่อไป
 
7. ลูกโป่ง
 
          ของเล่นเด็กธรรมดา ๆ อย่างลูกโป่งนี่แหละที่จะช่วยกำจัดขนสัตว์ให้หมดไปจากบ้าน ก่อนอื่นเราต้องเป่าลูกโป่งให้พอง แล้วนำไปถูตรงบริเวณที่มีขนสัตว์เพียงเบา ๆ เพื่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต แล้วขนสัตว์ก็จะติดตามลูกโป่งขึ้นมาเอง จากนั้นก็นำไปทิ้งให้เรียบร้อย


8. แปรงยาง

          แปรงยางเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการจำกัดขนออกจากพรม ซึ่งทำได้ง่าย ๆ ไม่ซับซ้อนอะไรมากนัก แค่นำแปรงยางหรือไม้ม็อบรีดน้ำแบบหัวยาง มาถูย้อนแนวขนพรมเพื่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต ขนสัตว์ก็จะหลุดออกมาเอง
 
9. พื้นรองเท้ายาง
 
          ถ้าไม่มีเวลามากพอในการจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะแค่นำพื้นรองเท้าชนิดยางที่สะอาด ๆ มาถูไปบนพื้น พรม และบริเวณที่มีขนสัตว์หลุดร่วง ขนสัตว์ก็จะติดขึ้นมาตามพื้นรองเท้า สามารถรวบไปทิ้งได้อย่างง่ายดาย
 
10. เครื่องดูดฝุ่น

          เป็นอีกหนึ่งวิธีที่หลายบ้านเลือกใช้ เพราะมันทั้งง่ายและก็ประหยัดเวลาเอามาก ๆ ที่สำคัญหลังจากนำเครื่องดูดมาทำความสะอาดขนสัตว์ออกจากจุดต่าง ๆ ของบ้านแล้ว ก็อย่าลืมถอดฟิลเตอร์หรือตัวกรองออกมาทำความสะอาดด้วยนะคะ

          หากมีปัญหาเรื่องขนสัตว์เลี้ยงกระจายฟุ้งทั่วบ้าน ติดตามโซฟาเต็มไปหมด หรือบนพื้น ก็ลองนำวิธีที่กระปุกดอทคอมรวบรวมมาฝากกันในวันนี้ไปใช้กันนะคะ เพราะจะช่วยให้ทำความสะอาดขนสัตว์ในบ้านได้ง่ายขึ้น กวาดทีเดียวก็ได้เป็นกอง ไม่ต้องเสียเวลาและเสียอารมณ์เพราะขนสัตว์ฟุ้งกระจายเต็มบ้านอีกต่อไป



ขอขอบคุณข้อมูลจาก quickanddirtytips, Apartmenttherapy และ Wikihow

Sunday, September 29, 2019

10 เรื่องที่คนเลี้ยงหมาต้องเจอ แม้จะวุ่นวายไปนิด แต่ก็แฮปปี้ดีนะ

         
          กลุ่มศิลปินจากรัสเซียชื่นชอบแมว หมา และหลงใหลในการวาดการ์ตูนจากเว็บ lingvistov ได้ครีเอทผลงานดี ๆ มาให้ชมกันอีกแล้ว โดยครั้งนี้มาในโปรเจคท์ 10 ภาพวาดล้อเลียนชีวิตคนเลี้ยงหมา เผยเรื่องราวชีวิตที่คนเลี้ยงหมาเท่านั้นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ว่าการเลี้ยงหมามันไม่ได้ง่าย แต่ก็ทำให้มีความสุขมาก ๆ เลย 

1. ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเวลาเจ้าตูบมานอนอยู่บนตัว กลัวหมาตื่น

2. ทุกพื้นที่ในบ้านจะเต็มไปด้วยขนหมา ยกเว้นบนตัวของมันเอง

3. หน้าที่ของคนเลี้ยงหมาก็คือ เปิด-ปิดประตูให้หมาเข้า-ออก เป็นแบบนี้ทั้งวันเลย

4. ออกไปแล้วก็อยากเข้ามา ไม่ได้จะออกไปเห่าใครหรอกนะ แค่อยากเล่นเฉย ๆ

5. ก่อนที่จะกินอาหารทุกอย่างต้องผ่านการทดสอบหาสารพิษจากเจ้าหน้าที่พิเศษซะก่อน

6. ของโปรดของเจ้าตูบคือทุกอย่างที่เจ้าของกำลังกิน

7. ชอบทำให้กลัวอยู่เรื่อย ดึก ๆ ชอบเห่า พอออกไปดูแล้วก็ไม่มีอะไร

8. บางทีการคุยกับหมาก็รู้สึกดีกว่าคุยกับคนซะอีก

9. ต้องมีบ้างล่ะ...ที่แอบโทษเจ้าตูบผู้ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

10. และสุดท้ายเรียนรู้จากหมา ทุกอย่างที่เจอก็แค่ขุดหญ้าถมมัน แล้วก็ก้าวเดินต่อไป

สามารถเข้าไปชมผลงานน่ารัก ๆ ของศิลปินกลุ่มนี้ได้ตาม link นี้เลยจ้า  https://pet.kapook.com/view155336.html



เครดิตภาพ  https://www.pinterest.ca/pin/747597606877716326/