เราต้องไม่เปิดโอกาสให้สุนัขไปซ่อน
เราต้องจัดสิ่งแวดล้อมให้เขาเข้าไปซ่อนไม่ได้
และเราสามารถเอาเขาออกมาได้สะดวกเพื่อป้องกันการถูกกัด เช่น ใส่สายจูง แล้วไกด์โดยสายจูงเพื่อให้เขาออกมาเองในที่สุด
สิ่งที่ต้องทำ
-หาวัตถุไปปิดช่อง
ปิดรู กั้นใต้ตู้ เพื่อไม่ให้เขาเข้าไปซ่อนได้
-ใส่สายจูงไว้
เพื่อจะได้ดึงเขาออกมาได้สะดวก ถ้าบังเอิญเขาเข้าไปซ่อน โดยที่กระตุกแล้วผ่อน
กระตุกแล้วผ่อน ให้เราและเขาออกแรงคนละครึ่ง ไม่ใช่ลากเขาออกมาแบบผ้าขี้ริ้วกองกับพื้น
แต่เรากระตุ้นให้เขาออกมาแล้วเขาก็ต้องก้าวออกมาด้วยตัวเอง คือแบบว่า ออกแรงคนละครึ่ง
ถ้าเราไม่ได้ใส่สายจูงไว้
ก็ต้องใช้การล่อทุกวิธีทางให้เขาออกมาเอง เช่น เอาของล่อ เอาขนมล่อ
ไม่ใช่ใช้แรงบังคับฝืนให้เขาออกมา จุดประสงค์ก็คือ เขาต้องตัดสินใจออกมาด้วยตัวเอง
โดยเรากระตุ้นให้เขาออกมา หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องยกโต๊ะออกไป เลื่อนตู้ออกไป
ทำให้เขาซ่อนไม่ได้
การเอาสุนัขออกจากที่ซ่อน
แบบใช้จิตวิทยาสุนัข คือ
1 สุนัขต้องออกมาเอง
โดยเรากระตุ้นให้ออกมา หรือ เรากระตุ้นโดยออกแรงผ่านการกระตุกสายจูง
ออกแรงครึ่งต่อครึ่ง สุนัขยอมก้าวตามมาครึ่งหนึ่ง เรากระตุ้นให้เขาทำครึ่งหนึ่ง
2 ห้ามใช้แรงบังคับให้เขาออกมา
ห้ามลากเขาออกมาขณะที่เขาขาติดเบรกหรือแน่นิ่งเป็นผ้าขี้ริ้ว
3 ถ้าสุนัขซ่อนตัว
ถ้าวัตถุชิ้นนั้นเลื่อนได้ ก็เลื่อนออกไปเพื่อให้สุนัขไร้ที่ซ่อน เช่น เลื่อนเก้าอี้ออก เลื่อนโต๊ะออก และป้องกัน ดัก กั้น
ไม่ให้สุนัขวิ่งกลับไปซ่อนได้อีกรอบ
ที่สำคัญกันไว้ดีกว่าแก้
ปิดช่องปิดรูให้สุนัขซ่อนไม่ได้
ทำอย่างนี้เพื่อให้สุนัขเรียนรู้ว่า
กฎของบ้านก็คือ “ห้ามซ่อน” ไม่ว่าเจ้าจะซ่อนกี่ครั้ง ฉันก็จะเอาเจ้าออกมาแล้วเจ้าจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แทนการซ่อน
แล้วสุนัขจะเลิกซ่อนในที่สุด
สุนัขที่ซ่อน
มีแนวโน้มว่าเขากลัว ต้องหาตัวกระตุ้นที่ทำให้เขากลัวให้เจอ
อะไรที่ทำให้เขากลัวจนต้องไปซ่อน และฝึกให้เขาทนกับสิ่งที่ทำให้เขากลัว
การที่เขาเข้าไปซ่อน
ทำให้เขามั่นใจและมีอำนาจมากขึ้น เราอาจพบว่า พอสุนัขได้ซ่อนแล้วเขาจะก้าวร้าวมากขึ้นเมื่อเขามีที่กำบัง
เพราะเขาจะมีอำนาจเหนื่อเราทันที เพราะเป็นจุดที่คนจะเสียเปรียบ ทำให้เวลาเราเอื้อมมือไปจับสุนัขที่ซ่อนใต้ตู้ใต้เตียง
อาจถูกสุนัขกัดได้ เพราะตอนที่เขาซ่อน เขาจะมีอำนาจเหนือเรา
นั้นเองเราต้องไม่ให้เขาซ่อน
เขาจะได้ไม่มีอำนาจเหนือเรา และ การใส่สายจูงไว้ ก็ทำให้เรากระตุ้นให้เขาออกมาจากที่ซ่อนได้ง่ายขึ้นโดยที่ไม่เสี่ยงต่อการ
ถูกกัด
แหล่งที่มา http://www.todayza.com/19492/#sthash.wjhyTf6F.dpuf
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/explore/puppies/
No comments:
Post a Comment