ถ้าบังเอิญน้องหมาพลัดตกบันไดแล้วกลัวจนหัวหด
….มีวิธีแก้ไหม เพื่อให้น้องหมากล้าขึ้นบันไดอีกครั้ง?
คนส่วนใหญ่แล้วเวลาน้องหมาเกิดพลาดอะไรขึ้นมา เช่น
น้องหมาลื่นล้ม น้องหมาสะดุด น้องหมาตกบันได ต่างๆนานา ก็มักจะตกใจ โวยวาย ใจแป้ว และโอ๋น้องหมา
แสดงภาษากายอย่างโอเวอร์ราวกับฟ้าถล่ม ตึกทะลายต่อหน้าต่อตา นั้นเองจะทำให้เหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ
กลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับน้องหมา แล้วจะทำให้น้องหมาที่ตกใจเล็กๆน้อยๆ
กลายเป็นกลัวขี้หดตดหาย กลัวอย่างมากมายราวกับว่าเดินผ่านบันได เดินบนพื้นลื่น
แล้วจะโดนเชือด โดนฆ่าทิ้ง สิ่งที่ทำให้น้องหมากลัวจนโอเวอร์ ก็เพราะเรานั่นเอง เรามักคิดว่า
เราต้องโอ๋น้องหมาเหมือนโอ๋ลูกเล็กที่เดินพลาดตกบันได ต้องปลอบลูบไล้
เหมือนปลอบเด็ก อยากจะบอกว่า เราสามารถทำกับเด็กมนุษย์ได้ แต่ทำกับน้องหมาสี่ขาไม่ได้
เพราะจะทำให้หมากลัวและทำให้หมามีปัญหาพฤติกรรมตามมา
ธรรมชาติของสุนัขทั่วๆไป
ถ้ามีตัวใดตัวหนึ่งพลาดสะดุดหกล้ม ก็จะไม่มีตัวไหนสนใจ พอไม่มีตัวไหนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่
ไม่มีอะไรต้องกังวล สุนัขที่ลื่นล้มก็จะคิดว่าเหตุการณ์ที่ตนเผชิญอยู่นั้นเป็นเรื่องที่จิ๊บๆ
ไม่มีอะไรต้องวิตก เขาก็จะลุกขึ้นมาแล้วสะบัดตัวแล้วก็ดำเนินชีวิตประจำวันต่อๆไปเหมือนไม่มี
อะไรเกิดขึ้น แต่ถ้าตัวใดตัวหนึ่งมีอาการเจ็บมากกว่าปกติ ตัวอื่นก็จะแสดงความห่วงใยเล็กๆน้อยๆเช่น
เดินเข้ามาดู มาดมแผล มาเลียหูเลียแผลให้ แล้วก็เดินจากไปทำกิจวัตรของใครของมัน สุนัขตัวที่เจ็บก็จะดำเนินชีวิตต่อไป
ถ้าเขาเจอเหตุการณ์เดิมที่เขาเคยพลาด สุนัขก็จะมีความระมัดระวังมากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตัวเอง
ต้องเจ็บตัวซ้ำสอง แต่จะไม่กลัวลนลาน กลัวตัวแข็งหัวหด น้ำลายยืดตัวสั่น ขี้แตกขี้แตงเหมือนสุนัขเลี้ยงตามบ้านที่มีแต่เจ้าของโอบอุ้มปลอบโยน
เรานั้นเองที่ทำให้สุนัขปกติทั่วๆไปกลายเป็นสุนัขมีปัญหาพฤติกรรมเพราะทำอะไรที่ฝืนธรรมชาติของสุนัข และ ไม่เข้าใจจิตวิทยาสุนัข เลยทำให้เรื่องเล็กๆ
กลายเป็นเรื่องใหญ่จนหาทางออกไม่เจอ เรานั้นเองทำให้หมา “เสียหมา”
วิธีแก้
-เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น
เช่นน้องหมาสะดุด น้องหมาล้ม สิ่งต้องทำอันดับแรกคือ ตั้งสติ ห้ามโวยวาย
ห้ามวีดว้าย และห้ามโอ๋ ห้ามพูดเสียง baby talk ถ้าอยากจะช่วยให้น้องหมาของเราไม่เป็นน้องหมาขี้กลัวในอนาคต
เราต้องทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเรื่องธรรมดาๆไม่มีอะไรน่ากลัวหรือต้องตกใจอะไร
จำไว้ว่า สุนัขจะตอบสนองต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามภาวะอารมณ์ของเราที่มีต่อสิ่งนั้นๆ เขาจะ
copy ภาวะอารมณ์ของเรา เช่น ถ้าเรากลัวน้องหมาตัวใหญ่กัด น้องหมาของเราก็จะกลัวน้องหมาตัวใหญ่ตาม
ถ้าเราไม่ชอบเสียงดังของข้างบ้าน สุนัขก็จะไม่ชอบเหมือนกัน
เขาก็จะเห่าวุ่นวายเมื่อเกิดเสียงดังนั้นๆขึ้น หรือ
ถ้าเราคิดว่าการที่สุนัขตกบันไดเป็นเรื่องใหญ่โตคอขาดบาดตาย เราจะทำให้สุนัขคิดตามเราว่า
บันไดเป็นสิ่งที่น่ากลัวคอขาดบาดตาย แล้วในครั้งต่อๆไปเขาจะไม่กล้าขึ้นบันไดเป็นต้น
-เมื่อตั้งสติได้แล้ว
ก็เดินเข้าไปตรวจสอบน้องหมาว่ามีอะไรบาดเจ็บ มีแผลหรือไม่ จำไว้ว่า
ต้องเงียบที่สุด ต้องนิ่งๆ ไม่ต้องพูดอะไรดีที่สุด เมื่อสำรวจแล้วไม่มีอะไรบาดเจ็บ
เราก็ดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ อย่าแสดงกริยาโอเวอร์แอ๊คชั่นเด็ดขาด
และไม่ต้องทำตัวเป็นนางเอกเจ้าน้ำตา เพราะน้ำตาไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นได้
แต่ถ้าน้องหมามีบาดแผล เราก็เช็ดแผลใส่ยา และดำเนินชีวิตตามปกติ
-ถ้าสถานการณ์ที่ทำให้สุนัขต้องตกใจ
เราต้องพาสุนัขไปเจอสถานการณ์นั้นๆใหม่อีกรอบ(ถ้าเราสามารถทำได้) เพื่อให้เขารู้ว่า
ไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องกังวล เช่น ถ้าสุนัขพลัดตกบันได
เราก็พาสุนัขเดินขึ้นบันไดใหม่ โดยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุนัขอาจลังเลนิดหน่อย
แต่ถ้าเรากระตุ้น ลองเอาขนมล่อ ของเล่นล่อ เพื่อให้เขาก้าวข้ามผ่านสิ่งที่เขาไม่มั่นใจมาได้
เขาก็จะกล้าขึ้นบันไดเหมือนเดิม และครั้งต่อๆไปหมาจะไม่กลัวบันไดอีกต่อไป
สมมติว่าน้องหมาตกใจที่ถังขยะล้ม
เราก็จำลองสถานการณ์ทำถังขยะล้มขึ้นมาเอง เริ่มจากล้มเบาๆเสียงค่อยๆก่อน เพื่อให้สุนัขไม่ตกใจ
แล้วก็ทำอย่างนั้นจนน้องหมาชินกับภาพและเสียงที่ถังขยะกระทบพื้น เมื่อสุนัขเคยชินก็เพิ่มให้เสียงดังขึ้นในระดับที่สุนัขรับได้
ไม่ตกใจ แล้วก็ทำซ้ำจนสุนัขเคยชินคุ้นเคยกับเสียง ทำอย่างนี้จะทำให้สุนัขไม่กลัวถังขยะล้มในครั้งต่อๆไป
นี่คือเคล็ดลับไม่ให้น้องหมากลายเป็นหมาขี้กลัว
ที่มา yojajiji.bloggang.com,
http://www.thaipetlovers.com
เครดิตภาพ https://www.pinterest.com/explore/dog-selfie/
No comments:
Post a Comment