Friday, May 10, 2013

อาการบ่งบอกถึงโรคภัยไข้เจ็บ...ของน้องหมา


                 เวลาสุนัขเกิดการเจ็บป่วยขึ้นมา ผู้เป็นเจ้าของสุนัขอาจจะลำบากใจในการวินิจฉัยอาการป่วยไข้ เพราะการวินิจฉัยไม่ได้ทำได้ง่ายอย่างที่คิด ตามปกติอาการที่เห็นไม่ใช่โรคหรือเชื้อโรค อาการที่เห็นเพียงเป็นเครื่องชี้ให้รู้ว่าได้เกิดโรคขึ้นแล้ว การวินิจฉัยโรคจึงเป็นเหมือนศิลปะของการพิสูจน์ว่าเกิดโรคโดยอาศัยอาการที่ เกิดขึ้น และอาจจะเป็นหลักสูตรที่ยากที่สุดในแวดวงของสัตว์แพทย์ แต่ถ้าสามารถวินิฉัยโรคได้ถูกต้อง การเยียวยารักษาก็จะง่ายไม่ยุ่งยาก 

                 การที่จะวินิจฉัยโรคได้ถูกต้องแม่นยำ ต้องอาศัยการศึกษาและฝึกฝนมาเป็นอย่างดียิ่ง อย่างไรก็ตาม อาการของโรคที่จะกล่าวดังต่อไปนี้ ร่วมกับชื่อของโรคซึ่งเกี่ยวกัน จะช่วยให้ผู้อ่านวินิฉัยโรคพื้นๆ ของสุนัขได้ถูกต้อง นอกจากนั้นยังเป็นเครื่องบ่งชี้ว่ามีโรคอะไรที่ไม่ธรรมดา

 
                 อาการที่เกิดขึ้นจะบ่งบอกถึงอะไร

                 ท้องป่อง  อาจเกิดการสะสมน้ำอย่างผิดปกติในเนื้อเยื่อโพรงของร่างกาย มีไขมันมากเกินไป ส่วนหนึ่งของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อโผล่ออกมา เกิดตั้งท้อง การพองโตของกระเพาะปัสสาวะ เกิดโรคท้องป่องที่เรียกว่า "โบลท" ม้ามหรือตับโต เกิดเนื้องอก เกิดปรสิต ในลูกสุนัขกล้ามเนื้อของช่องท้องอ่อนแอ

                ท้องอ่อนนุ่ม  โรคเครื่องย่อยอาหารแบบเฉียบพลัน กระเพาะอาหารอักเสบ สิ่งแปลกปลอมแทงทะลุลำไส้ กินสารพิษ เกิดเนื้องอก เยื่อบุช่องท้องอักเสบ

                หิวมากจนผิดปกติ  อาจเป็นโรคเบาหวาน เกิดการตั้งท้อง ระยะเริ่มแรกของการมีฮีท ระยะที่เป็นแม่ลูกอ่อน แต่ถ้าหิวเนื่องจากเป็นลูกสุนัขที่กำลังเจริญเติบโตหรือเป็นสุนัขที่อดอยาก ก็เป็นอาการปกติ

                อาการหิวโดยไม่เลือกของกิน  อาจเป็นเพราะฟันกำลังงอก  กำลังทีท้อง อาการขาดวิตามินบางอย่าง มีพยาธิ มีเกลือในอาหารไม่เพียงพอ

                ไม่อยากกินอาหาร  มีไข้ ปวดฟัน เป็นแผลในปากหรือลำคอ กินมากเกินไป ขาดวิตามินหรือเกลือแร่บางชนิด มีตัวเบียน มีการเปลี่ยนอาหาร

                 หายใจมีกลิ่น  เกิดหินปูนตามไรฟัน เหงือกอักเสบเป็นหนอง ฟันผุเป็นแผลในกระพุ้งแก้ม ท้องผูก อายุมาก โรคไต เป็นมะเร็ง จมูกอักเสบ

                  ไอ  โรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ คอหอยอักเสบ โรคปอดบวม เยื่อหุ้มปอดอักเสบ โรคภูมิแพ้ โรคหัวใจ มีพยาธิ หรือเกิดโรคมือเท้าแข็ง

                  หายใจลำบาก     เยื่อหุ้มปอดอักเสบ โรคปอดบวม โรคหัวใจ โรคโลหิตจาง พยาธิหัวใจ 

                  ท้องเสีย  อาหารเป็นพิษ มีพยาธิ เกิดการติดเชื้อโปรโตซัวค๊อกซิเดี้ยม โรคเส้นประสาท กินสารพิษเข้าไป ลำไส้ใหญ่อักเสบ มีอายุมากๆ 

                  ขย้อนออก  มีพยาธิ ลำคออุดตัน ต่อมทอนซิลอักเสบ โรคฝ่าเท้าแข็ง 

                  เหงือกซีด  โรคโลหิตจาง เกิดอาการตกเลือด ขาดสารอาหาร ขาดแคลนอาหาร มีตัวเบียน มีปรสิตบางชนิด  กินสารพิษเข้าไป ไม่ถูกแสงแดด กระเพราะและลำไส้ผิดปกติ เกิดเนื้องอกเป็นโรคที่ร้ายแรง
                  เสียงแหบ  กล่องเสียงอักเสบ หลอดลมอักเสบ ต่อมทอลซินอักเสบ ลำคออุดตัน คออักเสบ โรคหืด

                  อาการดีซ่าน  ได้รับสารพิษ โรคตับ เกิดติดเชื้อสไปร่า ติดเชื้อไพโรปลาสม่า 

                  กล้ามเนื้อกระตุก  ได้รับสารพิษ มีพยาธิ มีท้อง โรคเบาหวาน สมองอักเสบ 

                  น้ำมูกไหล  เกิดอาการหวัด เป็นโคดิสเท็มเปอร์ มีพยาธิในจมูก โรคปอดบวม

                  เป็นอัมพาต  ไขสันหลังได้รับอันตราย เกิดโรคพิษสุนัขบ้า โรคดีสเท็มเปอร์ โรคลมปัจจุบัน 

                  ผิวหนังมีปัญหา  โรคเรื้อน โรคผิวหนังที่เกิดการอักเสบ มีไร สิวขนร่วง 

                  น้ำลายไหล  ลิ้น หรือช่องปากเป็นแผล กินสารพิษเข้าไป สมองอักเสบ แมลงกัดต่อย มีเสี้ยนหรือสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในปาก 

                   บวม  เกิดฝีหนอง เกิดเนื้องอก การสะสมน้ำอย่างผิดปกติในเนื้อเยื่อของร่างกาย โรคหัวใจ โรคไต โรคคอพอกส่วนหนึ่งของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อโผล่ออกมา โรคลูคีเมีย ถูกแมลงหรืองูกัด
                   กระหายน้ำมาก  มีไข้ ตกเลือด ท้องเสีย โรคไต โรคเบาหวาน โรคที่เกิดจากน้ำขังส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย

                   ลิ้นเป็นฝ้า  อาหารไม่ย่อย เยื่อบุกระเพาะอักเสบ เป็นโรคดีสเท็มเปอร์ ความผิดปกติของตับ โรคไต

                   สั่นสะท้าน  เป็นหวัด ได้รับสารพิษ  อาการชักในขณะที่มีครรภ์ 

                   อาเจียน  กินหญ้าเข้าไป เมารถ มีพยาธิ กินสารพิษเข้าไป เนื้องอกของสมอ ไตพิการ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ

                   น้ำหนักลด  ได้รับอาหารน้อยเกินไป เจ็บป่วยเป็นเวลานาน ท้องเสีย โรคหัวใจ วัณโรค ไตพิการ 

                   เป็นโรคตับ  เกิดจากพิษของสารหนู โรคเบาหวาน เนื้องอก มีตัวเบียน

                  อาการดังกล่าวจะเป็นเครื่องช่วยตัดสินใจว่า สุนัขของคุณน่าจะเป็นอะไร เพื่อจะได้แก้ไขได้ถูกต้อง แต่ถ้าหากยังวินิจฉัยไม่ถูก ต้องรีบนำสุนัขไปพบสัตว์แพทย์


แหล่งข้อมูลที่มา  http://iam.hunsa.com/nutbook/article/12781
เครดิตภาพ  https://www.pinterest.com/pin/54817320439475351/

No comments:

Post a Comment