Friday, October 26, 2012

ทำอย่างไรไม่ให้ "สัตว์รัก" เป็น "สัตว์ร้าย"



"สุนัขปกครองด้วยจ่าฝูง จัดลำดับชั้นสังคมด้วยกลิ่น คนเลี้ยงถือเป็นจ่าฝูง เมื่อจ่าฝูงมีลูกซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ สุนัขจะรู้ลำดับว่าสูงกว่าตัวมัน จะไม่ยุ่ง แต่ถ้าเจ้าของหรือคนเลี้ยงไม่ได้แนะนำให้มันได้รู้จักสมาชิกใหม่ก็อาจเกิด โอกาสที่มันจะทำร้ายสมาชิกใหม่ได้"

ส่วนอีก 2 พันธุ์ คือ พิตบูลเทอร์เรีย และร็อตไวเลอร์ เป็นพันธุ์ดุทั้งคู่ โดยธรรมชาติมันกัดทั้งพวกเดียวกันและคน

สิ่งที่ต้องระวังสำหรับคนเลี้ยง 2 พันธุ์นี้ คือ ต้องฝึกสุนัขเป็น ถ้าฝึกไม่เป็นห้ามเลี้ยง !!!

เวลาอยู่ข้างนอกต้องอยู่ในสายจูงตลอดเวลา อย่าไปเที่ยวยุให้ไปกัดสุนัขตัวอื่น เพราะจะเป็นการกระตุ้นพลังต่อสู้ได้เป็นอย่างดี

กรณีที่กัดคนในบ้านต้องลงโทษทันที และฝึกให้รักเด็กตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัข และสอนเด็กให้เล่นด้วยความสุภาพ ให้เด็กยื่นอาหารให้เป็นครั้งคราว

ข้อเตือนใจคนเลี้ยงสุนัข "อย่าปล่อยชีวิตมันเติบโตทางร่างกายและจิตใจด้วยตัวมันเอง เพราะมันไม่ได้เรียนหนังสือ ไม่รู้ถูก ไม่รู้ผิด มันจะทำตามสัญชาตญาณ อย่างเครื่องไฟฟ้าเวลาซื้อมาใช้ต้องรู้วิธีใช้ เพราะให้ทั้งคุณและโทษ"

เคยมีข้อมูลวิจัย ถือเป็นวิทยาศาสตร์ว่า คนเลี้ยงสุนัขอายุยืน 20 เปอร์เซ็นต์ เพราะคนเลี้ยงจะไม่มีความเครียด บางครั้งมันคอยช่วยเตือนภัย อย่างพันธุ์ลาบราดอร์ เป็นต้น อย่าลืมว่าสุนัขมันไม่พูด ไม่เหน็บแนม มันเป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนในการป้องกันสุนัขกัดด้วยคาถา 5 ย. คือ 

 1.  อย่าแหย่ สุนัขให้โมโห 
 2.  อย่าเหยียบ หาง ตัว ขา หรือรบกวนทำให้สุนัขตกใจ 
3.  อย่าแยกสุนัข ที่กำลังกัดกันด้วยมือเปล่า  
4.  อย่าหยิบจานข้าว ขณะสุนัขกำลังกินอาหาร 
 5  .อย่ายุ่งหรือคลุกคลีกับสุนัขนอกบ้าน สุนัขไม่มีเจ้าของ หรือไม่ทราบประวัติแน่นอน และไม่ควรให้สุนัขเลียมือ หรือใช้มือล้วงคอช่วยเหลือสุนัขที่ทำท่าคล้ายมีอะไรติดคอ โดยไม่แน่ใจว่าสุนัขกลืนอะไรลงไป

กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เคยประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลสำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ดุร้ายหรือ สายพันธุ์อื่นๆ ว่า ผู้เลี้ยงจะต้องศึกษาและเข้าใจในธรรมชาติความเป็นอยู่ของสุนัขเป็นอย่างดีก่อน และจะต้องเลี้ยงดูให้ถูกต้องตามหลักสายพันธุ์ หากปฏิบัติได้แล้วสุนัขก็จะมีนิสัยตามที่ต้องการไม่เป็นอันตรายแก่ผู้อื่น

หลักเกณฑ์ง่ายๆ ในการเลี้ยงสุนัขให้นิสัยดี มีดังนี้

1.  เจ้าของต้องเป็นจ่าฝูงในทุกสถานการณ์ จะลดปัญหาในการเลี้ยงสุนัขไปได้จนเกือบไม่มีเลย และสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข

2.  เจ้าของต้องฝึกเชื่อฟังคำสั่งพื้นฐานให้แก่สุนัขด้วยตัวเอง เช่น เข้ามาหา นั่ง คอย หมอบ ฯลฯ
     โดยวิธีการฝึกแบบไม่มีการลงโทษ นอกจากจะทำให้ชีวิตประจำวันง่ายขึ้นแล้ว ยังทำให้สุนัขมีความสุข  ที่ได้ทำตามคำสั่ง

 3.  หมั่นชมเชยสุนัขอย่างจริงใจ แสดงให้สุนัขเห็นอย่างชัดเจนว่าพอใจมาก ทุกครั้งที่สุนัขทำดี และทำตามคำสั่งอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่นอกหรือในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นตอนที่กำลังฝึก หรือตอนที่ฝึกแล้วและใช้คำสั่งจริง

4.  ต้องสร้างความมั่นใจทางสังคมให้สุนัข ให้สุนัขมีโอกาสพบปะผู้คนแปลกหน้าบ่อยๆ พาออกไปตามสถานที่แตกต่างกันเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้สุนัขลดความหวาดระแวงลง และต้องชมเชยสุนัขทุกครั้งที่ทำตัวดีกับคน สุนัขจะรู้สึกมั่นใจและสบายใจมากขึ้น

5.  ต้องฝึกให้สุนัขมีความรู้สึกแรกพบที่ดีต่อเด็ก หากมีเด็กในบ้าน หรือไปพบเด็กนอกบ้าน ต้องดูแลให้คำแนะนำเด็กในการปฏิบัติต่อสุนัข แต่ต้องมั่นใจก่อนว่าคุณสามารถควบคุมสุนัขได้แน่นอน โดยให้เด็กกับสุนัขอยู่ในสายตาตลอดเวลา อย่าปล่อยให้สุนัขแสดงอาการก้าวร้าวกับเด็กเป็นอันขาด

6.  อย่าปล่อยให้สุนัขมีโอกาสทำผิด หรือทำในสิ่งที่เจ้าของไม่ชอบ แล้วมาหาวิธีแก้ภายหลัง เพราะการแก้ไขทำได้ยากมาก ต้องหาวิธีที่จะป้องกัน ไม่เปิดโอกาสให้สุนัขทำสิ่งที่ผิด และหาวิธีชักจูงให้สุนัขอยากทำในสิ่งที่ต้องการ แม้แต่ในการฝึกเชื่อฟังคำสั่ง หากสุนัขไม่ทำตามที่สั่งในคำแรก ต้องหาทางช่วยให้สุนัขทำตามคำสั่งให้ได้ โดยไม่สั่งซ้ำ

7.  ใช้กฎ "ไม่มีของฟรีในชีวิต" เริ่มตั้งแต่การให้อาหารมื้อแรก, การลูบคลำหรือการกอดแสดงความรัก, การปล่อยออกจากกรงหรือโซ่ล่าม การพาไปเดินเล่น การทำให้สุนัขพอใจ โดยต้องให้สุนัขมีข้อแลกเปลี่ยน คือ การทำตัวดีให้เจ้าของพอใจ

ทั้งหมดจะทำให้ "คนรักสุนัข" มีความสุข ไม่ต้องกังวลว่าเมื่อไหร่ "สัตว์รัก" จะกลายเป็น "สัตว์ร้าย"

แหล่งข้อมูลที่มา   มติชน 

 

No comments:

Post a Comment