Monday, July 13, 2015

การนำ น้องหมา ไปต่างประเทศ



          ใครที่จำเป็นย้ายถิ่นฐานไปอาศัยยังต่างประเทศ และต้องการพา น้องหมา สุดที่รักไปด้วย วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ จากคุณ Il Maze ในเว็บบอร์ด thaidogcenter.com ที่มีประสบการณ์พาน้องหมาไปนอก มาฝากกันค่ะ

         
1. ก่อนอื่นต้องติดต่อสถานทูตของประเทศที่เราจะพาสุนัขไป หรือไม่ก็ค้นในเว็บ จะมีรายละเอียดพร้อม อาทิ britischebotschaft.de, defra.gov.uk

         
2. สุนัขต้องมีอายุเกิน 3 เดือน และได้รับการฉีดวัคซีนครบถ้วน โดยเฉพาะโรคพิษสุนัขบ้าและต้องมีสมุดวัคซีนยืนยัน

         
3. ต้องฝังไมโครชิป iso 11784 หรือ 11785 สามารถฝังได้ที่โรงพยาบาลสัตว์หลายแห่ง ค่าใช้จ่ายในการฝังประมาณ 600 บาท ทั้งนี้ ตอนกรอกฟอร์มขอใบรับรองไมโครชิป ระบุว่าขอภาษาอังกฤษด้วยนะคะ 

         
4. หลังจากนั้นหนึ่งเดือนจะต้องพาสุนัขไปตรวจเลือด หากไปประเทศในกลุ่มอียู มีเงื่อนไขว่าจะต้องเป็นห้องแลปที่ได้รับการรับรองโดยกลุ่มประเทศอียูเท่า นั้น (ดูรายละเอียดได้ที่ defra.gov.uk) ซึ่งปรากฎว่ามีแค่หยิบมือเดียวทั่วโลก ค่าใช้จ่ายในการตรวจเลือดก็เลยแพงมากกกกกก คือ 15,000 บาท 

         
5. จากนั้นเมื่อได้ผลเลือดเรียบร้อย ตามปกติแล้วจะต้องกรอกเอกสารเฉพาะของประเทศนั้น ๆ เพิ่มเติมด้วย ระบุรายละเอียดของหมา เจ้าของ วันที่ฉีดวัคซีน ฝังไมโครชิป ตรวจเลือด และรับรองผลการตรวจเลือดโดยสัตวแพทย์ของรัฐ ซึ่งกรณีนี้ ผู้ที่มีอำนาจลงนามได้คือผู้อำนวยการที่สำนักงานกรมปศุสัตว์ 

          ทั้งนี้ เราจะต้องกรอกเอกสารให้ครบ (ให้คุณหมอของหมาเรากรอกก็ได้ค่ะ) แล้วเตรียมหลักฐานอื่น ๆ เช่น สมุดวัคซีนหมา ใบรับรองไมโครชิป บัตรประจำตัวหรือหนังสือเดินทางของเรา ฯลฯ ถ่ายเอกสารไปให้ครบด้วยนะคะ แล้วก็หอบหิ้วหมาไปหาหมอที่ดอนเมืองเลยค่ะ เราจะต้องทิ้งเอกสารไว้ประมาณ 2-3 วันแล้วค่อยไปรับอีกทีค่ะ (ส่วนหมา เอากลับบ้านมานะคะ ไม่ต้องทิ้ง อุอุ) อ้อ อันนี้คนละอันกับใบ Health certificate นะคะ อันนั้นไว้ว่ากันต่อ

         
6. ถ้ายังไม่เปลี่ยนใจยืนยันจะเอามันไปด้วยล่ะก็ คราวนี้ก็ต้องไปซื้อกรงหมาแบบที่เอาขึ้นเครื่องได้ค่ะ ราคาขึ้นอยู่กับขนาดหมา และอย่าลืมปูกรงด้วยผ้าขนหนูกับใส่ชามอาหารและน้ำดื่มแบบขวดติดกรงด้วยนะคะ

         
7. คราวนี้ก็มาฝึกมันเข้ากรงกันค่ะ อันนี้สำคัญนะคะ อย่าหัวเราะไป เพราะมันแคบ สุนัขจะกลัวมากตอนแรก แนะนำให้เอาอาหารล่อ เอากรงมาวางที่สว่าง ๆ นะคะ สุนัขจะไม่กลัว แล้วก็ใส่เข้าไป ของกินอะไรที่เขาโปรดปราน แล้วก็ค่อย ๆ ดันก้นเข้าไป และปิดประตูกรง จากนั้นอยู่กับเขาก่อน แล้วลองยกกรงดูนะคะ ดูซิว่าน้องหมาตัวโปรดหอนมั้ย ถ้าหอน ก็เริ่มขั้นตอนใหม่ 

         
8. ทีนี้พอเรารู้วันเดินทาง ก็ติดต่อสายการบินเลยค่ะ ถ้าบินตรงได้จะดีมาก ถ้าทำได้ พาหมาไปพร้อมเราเป็น accompanied luggage จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทางสายการบินจะคิดราคาเป็นน้ำหนัก ขึ้นอยู่ว่าจะไปที่ไหน แล้วคูณด้วย 150% นอกนั้นก็มีค่า terminal charge และค่าอื่น ๆ อีกเล็กน้อย

         
9. เมื่อติดต่อสายการบินได้เรียบร้อย 3 วันก่อนวันเดินทางเอาหมาไปตรวจขอรับใบ health certificate ที่กรมปศุสัตว์เหมือนเดิม เอาหลักฐานเดิมไปให้พร้อมนะคะ มีค่าดำเนินการประมาณ 50 บาท รอรับได้เลย ใบนี้มีอายุ 10 วัน เพราะอย่างนั้น อย่าทำล่วงหน้านานนะคะ

         
10. สำหรับคนที่ไม่สามารถเอาหมาไปพร้อมกับตัวเองได้ ก็ต้องหา shipping ล่ะค่ะ แล้วก็แจกแจงรายละเอียดรวมทั้งวันที่เราต้องการส่งหมา กับเอาเอกสารสำคัญถ่ายสำเนาไว้ให้ทุกอย่างด้วย ทางบริษัทจะทำใบ health certificate และใบนำสัตว์ออกนอกประเทศให้เรา เราก็แค่หาคนไปส่งหมาเราที่สำนักงานบริษัทที่ดอนเมือง หรือถ้าหาไม่ได้จริง ๆ ก็นัดเค้ามารับหมาที่บ้านเราก็ได้ค่ะ ก็จะมีค่าใช้จ่ายอีกนิดหน่อย ทางบริษัทคิดค่า handling charge และค่าจัดทำเอกสารทั้งหมด 4,000 บาท ที่เหลือก็ค่าน้ำหนักตัวของหมา

          ทีนี้ก็ไม่มีอะไรอีกนะคะ วันไปเราก็ปรึกษาสัตวแพทย์ดู ถ้าหมาเราตื่น หมอก็จะจ่ายยากล่อมประสาทให้ เราก็เตรียมเอาหมาเข้ากรง น้ำท่าอาหารให้พร้อม แล้วก็พามันไปอึไปฉี่ให้เรียบร้อย พอถึงเวลานัด ก็พาหมาไปที่บริษัท เค้าก็จะจัดการเอาหมาขึ้นเครื่องให้ค่ะ


          อ้อ...อย่าลืมถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญทุกอย่างเก็บไว้กับตัวเองด้วยนะคะ

          ทั้งหมดนี้อาจจะดูยุ่งยากและน่ากลุ้มใจ (และทำให้จนลงมาก) อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าใครจะพาหมาไปต่างประเทศ ก็หวังว่าข้อมูลนี้จะมีประโยชน์บ้างนะคะ ถ้าผิดพลาดตรงไหน ต้องขอโทษด้วยค่ะ 

 

โดย คุณ Il Maze 
แหล่งที่มา  thaidogcenter.com, http://pet.kapook.com/view15686.html
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

No comments:

Post a Comment