อาหารที่ดีเป็นมูลฐานสำคัญสำหรับการเพาะเลี้ยงที่ดี
สุนัขก็เช่นเดียวกับมนุษย์ต้องการอาหารนับตั้งแต่ผสมติดในท้อง เกิดมาสู่โลก
จนถึงตายไปเพื่อการมีชีวิตอยู่อย่างมีสุขภาพสมบูรณ์ สำหรับอาหารที่ใช้เลี้ยงนั้น
หากแยกแยะตามคุณค่าทางโภชนาการ ก็สามารถแบ่งออกเป็น 6 ประเภท
คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ (แร่ธาตุ) และน้ำ
หลักการใช้อาหาร
ในการใช้อาหารสำหรับเลี้ยงสุนัข มีหลักสังเกตุและข้อปฏิบัติที่ควรทราบไว้ดังนี้
1.
สุนัขมีขนาดกระเพาะเล็ก ดังนั้น
จึงต้องให้เนื้อหรืออาหารสำเร็จและเทียบตามส่วนแล้วอาหารที่จะ
ย่อยนั้น
ควรมีขนาดเล็กเช่นเดียวกัน
2.
ถ้าเป็นสุนัขให้นมลูก
อาหารที่กินเข้าไปส่วนใหญ่จะจ่ายออกไปเลี้ยงลูกสุนัขโดยทางน้ำนม
ลูกสุนัข ในระยะแรกจึงควรเลี้ยงด้วยนมแม่จะดีกว่าการใช้นมวัวเลี้ยง
ซึ่งธาตุอาหารน้อยกว่า ในระยะต่อมาก็ควรให้อาหารประเภทเนื้อหรืออาหารสำเร็จให้มาก
จึงจะถือว่าเป็นวิธีบำรุงเลี้ยงที่ถูกต้อง
3.
ในกระเพาะสุนัขมีกรดไฮโดรคลอริคในปริมาณที่สูง ดังนั้น
จึงช่วยทำให้การย่อยอาหารประเภทกระดูกและก้อนเนื้อใหญ่ ๆ เป็นไปโดยง่ายขึ้น
4.
ฟันสุนัขปรับตัวของมันสำหรับกัดและตัดเท่านั้น
ไม่ใช่สำหรับการบดเขี้ยว เช่น สัตว์ประเภทกินเมล็ดพืช
จริงอยู่แม้ว่ามันจะคุ้นเคยกับการกินอาหารได้เกือบทุกชนิดก็ตาม
แต่โครงกระดูกและร่างกายของมันยังคงเป็นสัตว์กินเนื้ออยู่นั่นเอง
ด้วยหลักนี้จึงถือว่าเนื้อเป็นอาหารธรรมชาติ
และเหมาะสำหรับใช้เลี้ยงสุนัขด้วยหระการทั้งปวง
5.
สุนัขมีน้ำลายสำหรับทำลายสิ่งบูดราได้ในปริมาณที่น้อย
และการย่อยแป้งต้องใช้กรดไฮโดรคลอริคในปริมาณที่สูง ด้วยเหตุนี้
กระเพาะสุนัขจึงไม่ปรับตัวสำหรับการย่อยแป้ง (แต่แป้งจะถูกส่งไปย่อยในลำไส้เล็ก)
หากระลึกถึงความจริงต่าง
ๆ จากข้อ 1-5
นี้ รวมทั้งประเภทของอาหารสุนัขดังกล่าวมาแล้ว จะได้หลักในการใช้อาหารสำหรับเลี้ยงสุนัขว่าจะต้องเป็นประเภทเสริมสร้างร่างกาย
สร้างพลังงาน ให้ความร้อน รวมทั้งให้วิตามิน และเกลือแร่ที่สำคัญ ดังนั้น
ส่วนประกอบของอาหารสุนัขมีดังนี้
1.
เนื้อ ซึ่งมีโปรตีนและแร่ธาตุ ๆ เช่น เนื้อแกะ
2.
ไขมัน ให้ความร้อน และวิตามิน เอ ดี
3.
ผัก ข้าว และเมล็ดธัญพืชทุกชนิด ทำให้เกิดพลังงานและวิตามินบี
วิตามินอี
4.
ผักใบเขียวดิบ ๆ หรือต้มอ่อน ๆ มีเกลือแร่ วิตามินซี และวิตามินอื่น
ๆ
5.
ไข่ ซึ่งมีไขมัน เหล็ก ฟอสฟอรัส และวิตามินต่าง ๆ เช่น เอ ดี
เป็นต้น เพื่อช่วยการเจริญเติบโตของร่างกายและต้านทานโรค
6.
ตับปลาหรือตับสัตว์ชนิดใดชนิดหนึ่ง
นับว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายมากทีเดียว
เมื่อได้หลักการในเรื่องการให้อาหารสุนัขดังนี้แล้ว
การพิจารณาในขั้นต่อไปก็ คือ ความจำเป็นถึงการให้อาหารสุนัข ในทางปฏิบัติสุนัขส่วนมากพอใจที่จะได้รับอาหารเพียงวันละ 1-2 เวลาเท่านั้น คือ เช้าและเย็น
การให้อาหารในเวลาหนึ่ง ๆ ไม่ควรให้มันกินมากจนล้นกระเพาะ
ทั้งนี้ก็เพราะว่าจะทำให้ระบบการย่อยอาหารของมันของมันต้องทำงานหนักเกินไปและทรุดโทรมเร็วขึ้น
ซึ่งเป็นการได้รับอาหารที่ผิดธรรมชาติของมันถ้าเป็นอาหารประเภทแป้งหรือน้ำต้มเนื้อรวมกับผัก ควรให้สุนัขกินในมื้อแรก
ส่วนอาหารประเภทเนื้อควรให้มื้อหลังจะเป็นการดีอย่างยิ่ง แต่จะอย่างไรก็ตามอย่าได้ให้ทันทีก่อนหรือหลังการออกกำลังมาก ๆ ของสุนัข
สำหรับการเลี้ยงสุนัขในปัจจุบัน ถ้าผู้เลี้ยงใช้อาหารสำเร็จรูปสำหรับสุนัขที่มีขายอยู่ในขณะนี้เลี้ยงแล้ว
ส่วนใหญ่จะได้คุณค่าทางอาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ
แต่ถ้าในท้องถิ่นนั้นหาซื้อได้ยากก็ควรใช้อาหารที่หาได้เท่าที่มีโดยคำนึงถึงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารนั้นด้วย
แหล่งที่มา หนังสือหมาบางแก้ว, http://homelucky.tripod.com/food.htm
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment