Saturday, December 1, 2012

คราบน้ำตาปัญหาหนักอกของน้องหมา




ภาวะการมีน้ำตาไหลเอ่อ ออกมามากกว่าปกติ Watery Ocular Discharge

น้ำตาที่ไหลมากนั้นเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ

สาเหตุ :

1. มีการผลิตน้ำตามากกว่าปกติ เช่น จากมีแผลที่กระจกตา มีต่อมน้ำตาอักเสบ มีสิ่งแปลกปลอมไประคายเคืองตา ซึ่งอาจจะเป็น ขนตา หรือ รอยย่นของหนังบนใบหน้าของตัวเอง หรือเนื้องอกก็ได้
 
2. เป็น true epiphora โดยมีกลไกในการระบายออกของน้ำตาผิดปกติไป เช่น ท่อน้ำตาอุดตัน การอักเสบของท่อน้ำตา (dacryocystitis) ท่อระบายน้ำตาเฉื่อย ( lazy tear duct) หรือไม่มีรูเปิดของท่อน้ำตามาแต่กำเนิด(punctal
    atresia ) เป็นต้น


สายพันธุ์ที่พบบ่อยและปัจจัยโน้มนำ :
ไม่มีรูเปิดท่อน้ำตามาแต่กำเนิด มักพบในสุนัขพันธุ์ Golden Retriever, American Cocker Spaniel ท่อระบายน้ำตาเฉื่อย มักพบในสุนัขพันธุ์ Poodle, Bichon, Maltese และแมวพันธุ์ Persian

อาการและความรุนแรงของโรค :
สัตว์ ที่มีสีอ่อนๆ เช่น สีขาว เราจะเห็นตรงหัวตามีสีน้ำตาลเข้มขึ้นชัดเจน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ร่องตรงหัวตามีสีเข้มขึ้นนั้นเกิดจากการที่มีน้ำตาไหล ผ่านบริเวณนั้นมากกว่าปกติ โดยในน้ำตาจะมีสารประกอบได้แก่ porphyrin และ catecholamine สารสองชนิดนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงเมื่อถูกแสงทำให้เกิดสีน้ำตาลแดงขึ้นที่ขน

การตรวจวินิจฉัยโรค
1. การตรวจวัดปริมาณน้ำตา โดยใช้ schirmer tear test (STT) ใช้กระดาษกรองสีขาวเสียบเข้าไปในตาเพื่อวัดปริมาณน้ำตาที่ผลิตต่อหนึ่งนาที ถ้ามากกว่า 25 mm แปลผลได้ว่ามีการผลิตน้ำตามากกว่าปกติ

2. การย้อมสีตาเพื่อหารอยโรคแผลหลุมที่กระจกตา และใช้เพื่อตรวจท่อระบายน้ำตาโดยใช้สี Fluorescein หยดลงไปบนตาแล้วสังเกตสีไหลผ่านมาออกที่รูจมูก เนื่องจากท่อน้ำตาจะมีทางเชื่อมกับรูจมูก

3. การล้างและสวนท่อระบายน้ำตา Tear duct flush

4. ในกรณีที่สงสัยว่ามีการสร้างน้ำตามากผิดปกติต้องตรวจดูหนังตา ขนตา และบริเวณรอบดวงตาเพื่อหาถึงสาเหตุของการระคายเคือง

การรักษาโรค :
1. กำจัดสาเหตุที่ทำให้ตาเกิดความระคายเคือง
2. ในรายที่เป็นเนื่องมาจาก punctal atresia อาจต้องพิจารณาทำศัลยกรรม
3. ในรายที่มีการอุดตันท่อระบายน้ำตาต้องทำการสวนและล้าง ถ้ามีการอักเสบต้องให้ยาลดการอักเสบไปหยอดตา ในรายที่มีการติดเชื้อต้องใช้ยาลดการอักเสบร่วมกับยาปฏิชีวนะหยอดตา 

คราบน้ำตาของน้องหมา..มีมาจากหลายสาเหตุดังนี้...

1.จากเชื้อยีสต์และน้ำตา
 ทำให้ขนใต้ตาเปียกชื้นและกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ชั้นดีของเชื้อยีสต์ โดยเฉพาะชนิดที่เรียกว่า Red Yeast ซึ่งยีสต์ชนิดนี้จะทำปฏิกิริยาที่ก่อให้เกิดคราบสีแดงเข้มอมน้ำตาลเกาะที่ขนใต้ตา ร่องน้ำตาอุดตัน (blocked tear ducts)
หากคุณมีสุนัขที่น้ำตาไหลมากเป็นพิเศษ ลองพาไปให้สัตวแพทย์ตรวจดูสักครั้งว่าร่องน้ำตาอุดตันหรือเปล่า
เพราะเป็นต้นเหตุที่พบได้บ่อยในสุนัขพันธุ์เล็กหลายๆพันธุ์ ซึ่งสัตวแพทย์จะสามารถช่วยแก้ไขได้
สุนัขบางตัวซึ่งอาจมีมากถึง 20%ของสุนัขพันธุ์เล็กทั้งหมดนั้น เกิดมามีร่องน้ำตาที่ปิดสนิทซึ่งต้องใช้การผ่าตัดจึงจะหาย
ดังนั้นหากคุณสงสัยว่าสุนัขของคุณอาจมีปัญหาในเรื่องนี้ ควรพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็ว

2.จากหูอักเสบ

การอักเสบของหูก็มีส่วนทำให้น้ำตาไหลมากผิดปกติเช่นกัน เพราะ หู ตา จมูก ปากนั้นมีความเกี่ยวเนื่องกัน
ดังนั้นควรดูแลหูให้สะอาดไม่อับชื้นด้วย ควรระวังน้ำเข้าหูเวลาอาบน้ำ
การเช็ดหูให้สะอาด และการถอนขนหูเพื่อป้องกันการอับชื้น จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยป้องกันการอักเสบของหูได้
และหากคุณ สงสัยว่า หูสุนัขอักเสบก็ควรรีบพาไปรักษาโดยเร็ว

3.จากกรรมพันธุ์

ผู้เพาะพันธุ์มอลทีสส่วนใหญ่พบว่า กรรมพันธุ์ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่มีน้ำตามากหรือน้อยเช่นกัน
เนื่องมาจากรูปร่างลักษณะของกระโหลกบริเวณรอบๆตาที่แตกต่างกันออกไปตามกรรมพันธุ์นั่นเอง
ดังนั้นการเพาะพันธุ์ที่ดีเพื่อให้สุนับมีลักษณะที่ดี และมีน้ำตาน้อยก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

4.จากสิ่งแปลกปลอมและอาการแพ้

การมีสิ่งแปลกปลอมในตาก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลมากได้ การดูแลไม่ให้ขนบริเวณหน้า ทิ่มตา
จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุนัขพันธุ์ที่มีปัญหาทางที่ดีที่สุดคือการไว้ขนให้ยาวและมัดจุกให้เรียบร้อย
พยายามใช้วิธีตัดหนังยางทิ้ง แทนที่จะดึงออกเวลาแกะเพราะอาจทำให้ขนขาด ขนที่ขาดและสั้นบริเวณตามักจะทิ่มตาสุนัขทำให้น้ำตาไหลมาก
 
สำหรับสุนัขที่มีขนสั้นอยู่อาจใช้กิ๊บช่วยติดเพื่อป้องกันขนทิ่มตา หากคุณจะใช้วิธีตัดขนบริเวณตาทิ้งคุณจะต้องคอยตัดบ่อยๆ เพราะเมื่อไหร่ที่ขนยาวทิ่มตาสุนัขก็จะกลับมามีน้ำตามากอีกเหมือนเดิม การอาบน้ำนั้นควรระวังไม่ให้แชมพูหรือน้ำเข้า ตา    

ควรใช้แชมพูที่ไม่มีสารเคมีเพื่อป้องกันการผิดพลาด และทำให้ดวงตาของสุนัขอักเสบเพราะแพ้แชมพู
สุนัขบางตัวนั้นแพ้อากาศ เกสรดอกไม้ หรือควันบุหรี่ ซึ่งทำให้มีน้ำตาไหลมากเป็นพิเศษ ดังนั้น คุณควรคอยสังเกตุว่าสุนัขมักมีน้ำตาไหลมาก เมื่ออยู่ใกล้ควันบุหรี่หรือเมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิ ที่มีเกสรดอกไม้มากหรือไม่ และควรหลีกเลี่ยงสิ่งแปลกปลอมที่สุนัขแพ้นอกจากนี้ อาการแพ้สิ่งอื่นๆ เช่น แพ้อาหารก็สามารถทำให้ ค่า pH ของน้ำตาเปลี่ยนแปลง และทำให้เกิดรอยด่างบนขนใต้ตาสุนัขได้
 
ลองใช้น้ำยาล้างตาที่ใช้ล้างสิ่งแปลกปลอมในตาได้ หรือ น้ำยาเช็ดคราบน้ำตาที่ใช้ล้างตาได้ในขวดเดียวกัน
สำหรับการผูกจุกให้อยู่ตัว เก็บขนได้เรียบร้อย อาจใช้เจลแต่งผมของคนลูบบางๆได้แต่ต้องระวังเข้าตา

5.จากน้ำดื่ม

น้ำที่มีแร่ธาตุ (Mineral) สูงนั้นเมื่อสุนัขดื่มเข้าไป จะทำให้ขนบริเวณหน้าและขนที่ปากเหลืองได้ง่าย  ดังนั้นการให้สุนัขเลียน้ำจากขวดที่ไม่ทำให้ปากเปื้อนจะช่วยป้องกันได้ และเป็นวิธีที่ผู้เพาะพันธุ์นิยมใช้มากที่สุด หรือคุณอาจเปลี่ยนมาให้น้ำดื่มบรรจุขวดที่มีขายทั่วไป แทนน้ำประปาก็จะช่วยป้องกันการเกิดคราบเหลืองตามปากและบริเวณหน้าได้เช่นกัน

6.จากการเปลี่ยนฟัน

ลูกสุนัขในช่วงอายุ 5-8 เดือนนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของกรามและกระโหลกค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในช่วงที่มีฟันน้ำนมเริ่มหลุดและฟันแท้เริ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลต่อรองน้ำตาของสุนัขอย่างมาก ทำให้สุนัขที่อาจไม่เคยทีน้ำตาไหลมาก เกิดมีปัญหาเรื่องนี้ในช่วงอายุดังกล่าว ซึ่งการรับมือก็คือการหมั่นดูแลทำความสะอาด และเช็คน้ำตาให้บ่อยที่สุดในช่วงนี้จนกว่าฟันแท้จะขึ้นเหมด ซึ่งอาการจะดีขึ้นกลับไปเหมือนเดิมได้ ในระยะนี้การให้ของเล่นสำหรับแทะกับสุนัข จะสามาระลดแรงกดดันในปากได้ส่วนหนึ่ง

7.จากขนมและอาหาร

   ขนมและอาหารที่สุนัขกินเข้าไปนั้นเป็นสิ่งสำคัญมาก ในการป้องกันคราบน้ำตา อาหารที่เป็นธรรมชาติล้วนไม่มีสารกันบูด และไม่ใส่สีนั้นจะช่วยไม่ให้เกิดคราบน้ำตาและคราบสกปรกที่ปาก ควรหลีกเลี่ยงอาหารและขนมทุกชนิดที่สีจัด
เพราะสีที่ผสมในอาหารนั้นจะหลั่งออกมากับน้ำตาและทำให้เกิดคราบ ผู้เพาะพันธุ์บางคนสังเกตุว่าอาหารและขนมทุกชนิด ที่มีส่วนผสมของ beet pulpในปริมาณมาก มักทำให้ขนเหลืองและเป็นคราบบริเวณใบหน้า ผู้ประกวดสุนัขส่วนใหญ่จะใช้วิธีพันขนบริเวณปากและหนวดไว้เสมอเพื่อไม่ให้เปื้อนอาหารหรือเปียกน้ำ หากการพันขนไว้เป็นสิ่งที่ลำบากเกินไป การทำความสะอาดเช็ดล้างขนบริเวณปากหลังอาหารอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันคราบได้ สำหรับขนมที่ไม่ผสมสี ลอง Barkery Biscuits ขนม Homemade ที่ไม่มีสารกันบูด ไม่ผสมสี และทำจากธรรมชาติล้วน ๆ มีหลายรสให้เลือก

8.จากเห็บหมัด

เห็บหมัดนั้นนอกจากมีโอกาสจะทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง ซึ่งทำให้เกิดคราบบนขนแล้วยังเป็นตัวนำไรหูให้มาติดสุนัขอีกด้วย ไรหูนั้นทำให้หูอักเสบและทำให้น้ำตาไหลมากเป็นพิเศษดังที่กล่าวมาแล้ว การป้องกันเห็บหมัดนั้นมีหลายวิธีคือการใช้ยากำจัดเห็บหมัด หรือใช้ปลอกคอกันเห็บหมัดที่ส่วนใหญ่อยู่ได้นานถึง 3 เดือน 



แหล่งที่มา   http://www.thaipomeranian.com
             http://www.ladysquare.com
เครดิตภาพ  http://www.lumberjacklabs.com/

No comments:

Post a Comment