ความเป็นมา
ถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานมีการวิเคราะห์และศึกษากันอย่างกว้าง
ขวางทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีการสันนิษฐานว่า สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานมาจากกลุ่มพวกหมาป่าและสุนัขพื้นเมืองในเขตร้อนบริเวณเอเชียตะวันออก ซึ่งมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับสุนัขพื้นเมืองในประเทศเพื่อนบ้านอย่าง
กัมพูชา พม่า มาเลเซีย
ในสมัยก่อนชาวบ้านทางแถบปริมณฑลหรือตามต่างจังหวัดในประเทศไทยต่างเรียกสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานว่า “หมาพราน”
เนื่อง จากพวกมันสามารถช่วยปกป้องเตือนภัย ดูแลครอบครัว
และทรัพย์สิน อีกทั้งยังออกป่าล่าสัตว์ได้ไม่แพ้สุนัขพันธุ์ล่าเนื้อของเมืองนอกอีกด้วย
ทำไมถึงเรียกว่าหลังอาน
สาเหตุที่เรียกว่าหลังอานก็เพราะว่าขนบนหลังขึ้นย้อนกลับ
โดยมากเริ่มต้นที่ริมกระดูกสันหลังใต้ไหล่ทั้งสองลงไปเล็กน้อย จนถึงบริเวณกลางหลังหรือสะโพก
มีรูปร่างแตกต่างกัน ซึ่งมองภาพรวมแล้วมีลักษณะคล้ายอานม้าหรืออานรถ
(คำว่าอานในพจนานุกรมฯ มีความหมายว่าที่รองนั่งบนหลังสัตว์หรือหลังยานพาหนะ) เราจึงเรียกขนที่ย้อนบนหลังนี้ว่าหลังอาน
ชื่อที่ใช้เรียกอานก็จะเรียกตามรูปร่างหรือลักษณะ
บางท้องถิ่นหรือบางกลุ่มอานชนิดเดียวกันอาจจะเรียกชื่อไม่เหมือนกัน แต่อาจแบ่งได้เป็นกลุ่ม
ๆ ดังนี้
1) อานลูกศร
คืออานที่มีรูปร่างคล้ายลูกธนูหรือลูกศร มีขวัญ 2 ขวัญบริเวณหัวอานตรงหัวไหล่
ด้านปลายอานจะมีลักษณะเรียวแหลมจรดกลางหลังหรือสะโพก แต่ถ้าอานชนิดเดียวกันแต่ไม่มีหัวอานจะเรียกว่าอานเข็มหรืออานเทพพนมแล้วแต่ลักษณะของขน
2.
อานแผ่น เป็นอานข้อนข้างใหญ่อยู่บนแผ่นหลัง
อาจมีขวัญหรือไม่มีขวัญก็ได้ จะมีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไป
ก็จะเรียกชื่อตามลักษณะของสิ่งนั้น เช่น อานพิณ อานไวโอลิน อานใบโพธิ์ อานโบว์ลิ่ง
อานม้า อานกีต้าร์ ฯลฯ -
3. อานตกข้าง เป็นอานที่มีรูปร่างคล้ายอานแผ่นแต่ขนาดใหญ่มากกว่า
ตรงขอบอานจะตกมาจนถึงข้างลำตัว อานชนิดนี้ในยุคหนึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในมาตรฐานสายพันธุ์ที่รับรองโดยสมาพันธ์สุนัขโลก
(FCI) กำหนดไว้ว่าอานจะต้องอยู่บนขอบลำตัวเท่านั้น
เสน่ห์และลักษณะทั่วไป
เสน่ห์ของสุนัขไทยหลังอาน คือ ความโดดเด่นของขนที่ขึ้นย้อนแนวทอดจากท้ายขึ้นไปตามแนวเส้นหลัง มีรูปทรงต่างๆ มีสุนัขเพียง
2 สายพันธุ์ในโลกนี้เท่านั้นที่มีลักษณะขนย้อน ( Ridge)
ก็คือ Thai Ridgeback Dog (สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน)
และ Rhodesian Ridgeback (สุนัขพันธุ์โรดิเชี่ยน) ซึ่ง
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานเป็นน้องหมาขนาดกลาง รูปร่างสมส่วน ดูแข็งแรง ปราดเปรียว
ท่วงท่าสง่างาม หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม ดวงตากลมฉายแววฉลาดเฉลียว
กระบอกปากยาวพอดีไม่ทู่สั้น จมูกดำ หางเรียบคล้ายรูปดาบ ขนสั้นเกรียน แน่นหนา
เงางาม มีสีขนที่ได้รับการยอมรับอยู่ 4 สี คือ สีน้ำตาลแดง
สีดำปลอด สีสวาด และสีกลีบบัว บริเวณกลางหลังมีขนย้อนกลับเป็นทางยาวโดยมีรูปแบบต่างๆ
กันไป ซึ่งถือเป็นลักษณะเด่นประจำสายพันธุ์
อุปนิสัยและการเลี้ยงดู
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานขึ้นชื่อเรื่องความซื่อสัตย์
จงรักภักดี นอกจากนี้ยังมีความเฉลียวฉลาด มั่นใจในตัวเองสูง มีความเป็นผู้นำ รักอิสระ
กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และมั่นคง พวกเขามีสัญชาตญาณของการระมัดระวัง คอยเตือนภัยสิ่งแปลกปลอมได้อย่างดีเยี่ยม จึงเหมาะไว้ดูเฝ้าแลครอบครัว
บ้าน และทรัพย์สิน
แต่ถ้าน้องหมาหลังอานเคยมีอดีตที่ไม่ดี เคยถูกทำร้ายมาก่อนก็จะจำฝังใจ
ถ้ารู้สึกถูกคุกคามหรือไม่ปลอดภัยก็จะป้องกันตัวเองด้วยการกัดสถานเดียว ดังนั้นใครที่คิดจะเลี้ยงไทยหลังอานควรสืบประวัติอย่างดี
และไม่ควรใช้กำลังหรือทำร้ายร่างกายให้เขามีความทรงจำแย่ ๆ ติดตัวไป
การให้อาหารสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ควรให้อาหารเม็ดตามปกติ หรือถ้าเป็นอาหารที่ปรุงเองควรควบคุมดูแลเรื่องรสชาติไม่ให้จัดเกินไปและต้องถูกหลักโภชนาการ แต่ถ้าจะเหมาะสมและปลอดภัยที่สุดต่อสุขภาพน้องหมาควรให้อาหารเม็ดอย่างเดียวครับ ส่วนอีกเรื่องที่ต้องไม่ลืมก็คือ ต้องมีน้ำสะอาดให้เขาดื่มด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องการทำความสะอาด ควรอาบน้ำ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง
ไม่ควรอาบบ่อยจนเกินไปเพราะจะทำให้ขนและผิวหนังขาดน้ำมัน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุโรคผิวหนังในเวลาต่อมา
การออกกำลังกาย
การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจำเป็นต่อสุนัขพันธุ์ไทยหลังอานมาก ๆ เพราะพวกเขามีพลังงานสูงจำเป็นต้องเผาผลาญพลังงานเพื่อไม่ให้เขาเกิดอาการเบื่อหน่าย
จนทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่น่าพึงประสงค์ เช่น เห่า วิ่งไล่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อยรอบบ้าน
กัด หรือทำลายข้าวของเสียหายอีกด้วย
โดยธรรมชาติแล้วพวกเขารักการออกกำลังกาย
และรักการทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว ยิ่งถ้ามีสนามหญ้าให้วิ่งเล่น
พวกเขาจะยิ่งรู้สึกดี เป็นอิสระ แต่ก็ควรมีรั้วรอบขอบชิดเพื่อความปลอดภัยไม่ให้เขาวิ่งออกไปนอกอาณาบริเวณ เพราะพวกเขาอาจวิ่งไล่ ทำร้ายร่างกายคนแปลกหน้า หรือประสบอุบัติเหตุถูกรถชนได้
ส่วนใครที่ไม่มีสนามหญ้า พาไปสวนสาธารณะแทน ก็ควรมีสายจูงเพื่อความปลอดภัยเช่นกัน
สุขภาพและข้อควรระวัง
สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานควรให้ความระมัดระวังในเรื่องโรคผิวหนัง เพราะไทยหลังอานมีขนสั้นเกรียน
ผิวหนังเปราะบางเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้จากการสัมผัสวัตถุ หรือสารเคมีต่าง ๆ เช่น
พื้นปูนซีเมนต์ แชมพูต่าง ๆ แล้วยิ่งถ้าอยู่ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างเมืองไทย สิ่งที่ต้องระวังเป็นอย่างมากก็คือแมลงต่างๆ
ไม่ว่าจะยุง เห็บ หรือ หมัด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคพยาธิเม็ดเลือด
จึงควรนำไปฉีดวัคซีนป้องกันไว้
นอกจากนี้สุนัขพันธุ์ไทยหลังอานยังมีแนวโน้มเป็นโรค
อื่นๆ ได้อีก เช่น โรคติดเชื้อในหู โรคอ้วน โรคกระดูกสะโพกเคลื่อน และโรคท้องอืด หรือกระเพาะขยาย
เนื่องจากมีอากาศสะสมอยู่มากกว่าปกติ ซึ่งโรคนี้ได้คร่าชีวิตน้องหมามากเป็นอันดับ 2
รองจากโรคมะเร็งเลยทีเดียว ดังนั้นเพื่อนๆ
ควรพาน้องหมาไปตรวจสุขภาพเป็นประจำ หากพบอาการผิดปกติก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ ผู้เลี้ยงสุนัขควรดูแลสุขภาพสุนัขของตนเองเสมอทุกๆวัน
โดยตรวจดูอวัยวะต่าง ๆ เช่น
ตา
ตาของสุนัขที่มีสุขภาพดีจะมีแววตาแจ่มใส ไม่ขุ่นมัวหรือมีสีแดงหรือมีขี้ตา ถ้าเป็นโรคตาอักเสบธรรมดาเพราะผงเข้าตาก็ควรล้างตาด้วยกรดบอริกอ่อน
ๆ เช็ดรอบตาด้วยน้ำอุ่น ๆ แล้วหยอดยารักษาตา
หู หูควรสะอาดไม่มีขี้หูมากเกินไป
ไม่มีเห็บหรือหมัด ไม่เป็นแผล ถ้าหูสกปรกก็ควรใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดจนสะอาดแล้วเช็ดด้วยน้ำมันพาราฟินอย่างใส ถ้าเป็นแผลหรือตุ่มก็ควรรีบรักษาก่อนที่จะเป็นมากจนหูไม่สวยและสุนัขก็จะไม่สวยไปด้วย
การเพาะหรือผสมพันธุ์
ปกติสุนัขพันธุ์ไทยจะถึงระยะผสมพันธุ์ได้ก็ต่อเมื่อมีอายุ 9 เดือน ถึง 1 ปี จะมีฤดูผสมพันธุ์ตามภาษาชาวบ้าว่า ติดสัตว์ในราวเดือน12 คือใกล้ช่วงฤดูหนาว (พฤศจิกายน – มกราคม) และเดือนเมษายน – มิถุนายน เป็น 2 ครั้งต่อปี แต่ละครั้งจะติดสัตว์นานราว 2 – 3 สัปดาห์
แต่สุนัขพันธุ์บางแก้วจะเริ่มผสมพันธุ์เฉพาะช่วงใกล้ฤดูหนาว แม่สุนัขจะตั้งท้องนานราวๆ 9-10 สัปดาห์
ก็จะคลอดลูก หลังจากนั้น ถ้ามีการบำรุงเลี้ยงดูดี ก็อาจจะติดสัตว์ผสมพันธุ์ได้อีก โดยทิ้งระยะห่างจากครั้งแรก 6-7 เดือน
สุนัขตัวผู้ ตามปกติสุนัขตัวผู้จะแสดงอาการกระตือรือร้นในเรื่องเพศ เมื่ออายุประมาณ 6
– 8 เดือน แต่ไม่ควรให้ผสมพันธุ์ในระยะนี้เพราะอายุยังน้อยเกินไปจะทำให้หยุดชะงักการเจริญเติบโตและร่างกายจะทรุดโทรม และลูกสุนัขที่เกิดขึ้นมักจะไม่แข็งแรง
สุนัขตัวเมีย สุนัขตัวเมียที่จะทำการผสมพันธุ์ควรมีสุขภาพดี ไม่อ้วน และทำการถ่ายพยาธิและรักษาจนหายแล้ว
ตามปกติสุนัขตัวเมียจะเป็นสัดปีละ 2 ครั้ง
ระยะการเป็นสัดอาจสั้นหรือยาวบางตัวอาจนานถึง 21 วัน แต่ตามปกติแล้วเฉลี่ย
18 วัน
สุดท้ายนี้ น้องหมาไทยหลังอาน “สุนัขประจำชาติไทย” น่าเลี้ยงไม่แพ้น้องหมาชาติใดในโลกเลย
เพราะทั้งรูปร่างที่สวยงาม มีความเฉลียวฉลาด ปกป้องดูแลเราได้ แถมรักอิสระ
เป็นเอกเทศไม่ขึ้นกับใคร สมกับเป็นน้องหมาประจำชาติไทยจริง ๆ ถ้าท่านผู้อ่านคนไหนกำลังมองหาน้องหมาสักตัวที่มีความจงรักภักดี พร้อมจะปกป้อง
และอยู่เป็นเพื่อนเราไปจนวันตาย น้องหมาไทยหลังอานตอบโจทย์ได้ดีทีเดียวเลย
เรียบเรียงโดย กัมปนาท
หอวิเชียร นักศึกษาฝึกงาน มหาวิทยาลัยราชภัฎจันทรเกษม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
เอกสารสนเทศศาสตร์ ภาคเรียนที่ 2/2556 / http://www.lib.ru.ac.th/journal2
บรรณานุกรม
ประสบ
บูรณมานัส. (2527). สุนัขและการรักษา. กรุงเทพฯ: ไทยวัฒนาพานิช.
ครูโย่ง. (2550). เสน่ห์ของหมาไทยหลังอาน. ค้นเมื่อ วันที่ 21
พฤศจิกายน 2556
จาก http://www.thairidgeback.org/Y3%20charming%20TRD.htm.
จาก http://www.thairidgeback.org/Y3%20charming%20TRD.htm.
พริกขี้หนู.
(2555).
ไทยหลังอาน สุดยอดสุนัขสายพันธุ์ไทยหายากติดอันดับโลก.
ค้นเมื่อ วันที่ 21 พฤศจิกายน 2556
จาก http://www.dogilike.com/content/tip/1932/
จาก http://www.dogilike.com/content/tip/1932/
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment