แม้คนจะแสดงอาการหึงหวงให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาการหึงหวงจะเกิดขึ้นกับคนเพียงอย่างเดียว เพราะสุนัขก็มีความรู้สึกหึงหวงกับเจ้าของของตัวเองได้เหมือนกัน
นอกจากอาการหึงหวงของคนอย่างเรา ๆ แล้ว รู้หรือไม่ว่า สุนัขก็หึงได้ด้วยเหมือนกัน โดยเว็บไซต์ Plos One ได้นำผลการวิจัยของคริสติน แฮร์ริช นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ออกมาเปิดเผย พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่า สุนัขก็มีอาการหึงหวงได้เหมือนกัน โดยทำการศึกษาพฤติกรรมจากสุนัขจำนวนทั้งหมด 35 ตัว ที่มีอายุและขนาดใกล้เคียงกัน จากหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ทาง ได้แก่ ชิวาวา ดัชชุน ปั๊ก และปอมเมอเรเนียน เป็นต้น
ส่วนอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการทดสอบพฤติกรรมของสุนัขมีสิ่งของจำนวน 3 อย่าง อันประกอบไปด้วย หุ่นยนต์สุนัข ที่สามารถส่งเสียงเห่า ครวญคราง และกระดิกหางได้เหมือนสุนัขจริง ถัดมาก็เป็น แจ๊ก โอ แลนเทิร์น (Jack o'lantern) หรือตะเกียงฟักทองของประดับในวันฮาโลวีน ในขณะที่อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายก็คือ หนังสือนิทาน ที่มีป๊อปอัพตัวการ์ตูนพร้อมเสียงดนตรีดังขึ้นเมื่อเจ้าของสุนัขเปิดอ่าน
ขั้นตอนในการทดสอบสุนัข เริ่มจากให้เจ้าของสุนัขแต่ละตัวอุปกรณ์ทดสอบพฤติกรรมขึ้นมาเล่นอย่างละ 8 วินาที จากนั้นก็สังเกตพฤติกรรมของสุนัขผ่านกล้องวิดีโอที่ติดอยู่กับอุปกรณ์ ทั้งในขณะที่เจ้าของกำลังเล่นอยู่กับอุปกรณ์ และในระหว่างที่เจ้าของสุนัขวางอุปกรณ์เหล่านั้นทิ้งไว้หลังจากเล่นเสร็จอีก ประมาณ 30 วินาที
ผลปรากฏว่าสุนัขทั้งหมดต่างก็แสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พฤติกรรมหลักด้วยกันคือ การโจมตีอุปกรณ์ ทั้งการเห่า ส่งเสียงข่มขู่ ครวญคราง และหางตั้งตรงซึ่งหมายถึงการแสดงอำนาจ ส่วนบางตัวก็เดินเข้าไปรบกวนระหว่างที่เจ้าของกำลังเล่นกับอุปกรณ์ ในขณะที่สุนัขอีกจำนวนหนึ่งให้ความสนใจ ซึ่งการให้ความสนใจนี้ก็แบ่งออกเป็น 4 พฤติกรรมย่อย โดยมีทั้งการมองไปที่เจ้าของ มองไปยังอุปกรณ์ทดสอบ การเดินตรงเข้าไปสำรวจอุปกรณ์ และดึงดูดความสนใจจากเจ้าของ
ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวก็เลยทำให้ผู้วิจัยสามารถสรุปได้ว่า สุนัขมีอาการหึงหวงได้จริง แม้ไม่อาจการันตีได้ว่าจะเกิดอาการหึงหวงเช่นนี้กับสุนัขทุกวัย ทุกตัว และในบางสถานการณ์ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าปัจจัยรอบตัวต่างก็มีผลให้พฤติกรรมของสุนัขเปลี่ยน ไป โดยจะเปลี่ยนไปอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของสุนัขแต่ละตัวนั่นเอง หลังจากนี้เจ้าของสุนัขหลายคนคงต้องระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองกันมากขึ้น แล้วล่ะจ้า
นอกจากอาการหึงหวงของคนอย่างเรา ๆ แล้ว รู้หรือไม่ว่า สุนัขก็หึงได้ด้วยเหมือนกัน โดยเว็บไซต์ Plos One ได้นำผลการวิจัยของคริสติน แฮร์ริช นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยแห่งแคลิฟอร์เนีย ออกมาเปิดเผย พร้อมพิสูจน์ให้เห็นว่า สุนัขก็มีอาการหึงหวงได้เหมือนกัน โดยทำการศึกษาพฤติกรรมจากสุนัขจำนวนทั้งหมด 35 ตัว ที่มีอายุและขนาดใกล้เคียงกัน จากหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งพันธุ์แท้และพันธุ์ทาง ได้แก่ ชิวาวา ดัชชุน ปั๊ก และปอมเมอเรเนียน เป็นต้น
ส่วนอุปกรณ์ที่นำมาใช้ในการทดสอบพฤติกรรมของสุนัขมีสิ่งของจำนวน 3 อย่าง อันประกอบไปด้วย หุ่นยนต์สุนัข ที่สามารถส่งเสียงเห่า ครวญคราง และกระดิกหางได้เหมือนสุนัขจริง ถัดมาก็เป็น แจ๊ก โอ แลนเทิร์น (Jack o'lantern) หรือตะเกียงฟักทองของประดับในวันฮาโลวีน ในขณะที่อุปกรณ์ชิ้นสุดท้ายก็คือ หนังสือนิทาน ที่มีป๊อปอัพตัวการ์ตูนพร้อมเสียงดนตรีดังขึ้นเมื่อเจ้าของสุนัขเปิดอ่าน
ขั้นตอนในการทดสอบสุนัข เริ่มจากให้เจ้าของสุนัขแต่ละตัวอุปกรณ์ทดสอบพฤติกรรมขึ้นมาเล่นอย่างละ 8 วินาที จากนั้นก็สังเกตพฤติกรรมของสุนัขผ่านกล้องวิดีโอที่ติดอยู่กับอุปกรณ์ ทั้งในขณะที่เจ้าของกำลังเล่นอยู่กับอุปกรณ์ และในระหว่างที่เจ้าของสุนัขวางอุปกรณ์เหล่านั้นทิ้งไว้หลังจากเล่นเสร็จอีก ประมาณ 30 วินาที
ผลปรากฏว่าสุนัขทั้งหมดต่างก็แสดงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 พฤติกรรมหลักด้วยกันคือ การโจมตีอุปกรณ์ ทั้งการเห่า ส่งเสียงข่มขู่ ครวญคราง และหางตั้งตรงซึ่งหมายถึงการแสดงอำนาจ ส่วนบางตัวก็เดินเข้าไปรบกวนระหว่างที่เจ้าของกำลังเล่นกับอุปกรณ์ ในขณะที่สุนัขอีกจำนวนหนึ่งให้ความสนใจ ซึ่งการให้ความสนใจนี้ก็แบ่งออกเป็น 4 พฤติกรรมย่อย โดยมีทั้งการมองไปที่เจ้าของ มองไปยังอุปกรณ์ทดสอบ การเดินตรงเข้าไปสำรวจอุปกรณ์ และดึงดูดความสนใจจากเจ้าของ
ซึ่งจากข้อมูลดังกล่าวก็เลยทำให้ผู้วิจัยสามารถสรุปได้ว่า สุนัขมีอาการหึงหวงได้จริง แม้ไม่อาจการันตีได้ว่าจะเกิดอาการหึงหวงเช่นนี้กับสุนัขทุกวัย ทุกตัว และในบางสถานการณ์ แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าปัจจัยรอบตัวต่างก็มีผลให้พฤติกรรมของสุนัขเปลี่ยน ไป โดยจะเปลี่ยนไปอย่างไรนั้นก็ขึ้นอยู่กับนิสัยของสุนัขแต่ละตัวนั่นเอง หลังจากนี้เจ้าของสุนัขหลายคนคงต้องระมัดระวังพฤติกรรมของตัวเองกันมากขึ้น แล้วล่ะจ้า
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Plos One
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Plos One
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
No comments:
Post a Comment