ควรอาบน้ำสุนัขบ่อยแค่ไหน
โดยปกติแล้ว ควรอาบน้ำสุนัขทุก 1-2 สัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากการอาบน้ำด้วยแชมพูสุนัขจะมีผลในการชะไขมันที่ร่างกายสุนัขสร้าง ขึ้นมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน การอาบน้ำบ่อยเกินไปมีผลทำให้ผิวและเส้นขนแห้ง ขาดความเงางาม และอาจทำให้สุนัขมีอาการคันได้ ถ้าจำเป็นต้องอาบน้ำบ่อย ๆ ควรเลือกแชมพูที่เป็นแบบ soap-free เพราะสารทำความสะอาดในตัวสบู่จะเป็นตัวกำจัดไขมันออกไป ทำให้ผิวหนังแห้งได้
ในกรณีที่สุนัขมีปัญหาสะเก็ดรังแคและผิวมันเยิ้ม อาจอาบน้ำได้บ่อยขึ้น เป็นทุก ๆ 3-4 วัน ในช่วงแรกร่วมกับการใช้แชมพูยาเพื่อลดรังแคและความมัน เมื่อผิวมันลดลงแล้วก็ปรับมาอาบน้ำทุก 1-2 สัปดาห์แทน
แชมพูแบบใดจึงจะเหมาะกับผิวของสุนัข
หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูสระผมของคนมาอาบน้ำให้สุนัข เนื่องจากค่าความเป็นกรดด่างของผิวหนังคนกับสุนัขมีค่าไม่เท่ากัน การใช้แชมพูคนในช่วงแรก เจ้าของอาจไม่รู้สึกว่าผิวหนังสุนัขมีปัญหา แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็จะทำให้ผิวหนังสุนัขขาดความสมดุล และโครงสร้างผิวหนังเสียหาย ก่อให้เกิดโรคผิวหนังตามมาได้
การเลือกแชมพูสำหรับสุนัขโดยทั่วไป โดยเฉพาะในลูกสุนัขหรือสุนัขที่ผิวบอบบาง มีโอกาสแพ้ง่ายอย่างในสุนัขพันธุ์ปั๊ก ให้เลือกสูตรอ่อนโยนที่มีโอกาสก่อให้เกิดความระคายเคืองน้อย (โดยมากมักเขียนที่ข้างขวดว่า Hypoallergenic) และเป็นแชมพูที่ผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์สูงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่ผสมยากำจัดเห็บหมัดในลูกสุนัขและสุนัขที่สุขภาพ อ่อนแอ เนื่องจากมีโอกาสเกิดความเป็นพิษได้ ส่วนสุนัขที่มีปัญหากลิ่นตัวจากโรคผิวหนังนั้นให้เลือกแชมพูสูตรที่ลดการแพ้ ร่วมกับการใช้แชมพูยาที่สัตวแพทย์เลือกให้
วิธีการอาบน้ำสุนัข
เริ่มจากการใช้น้ำเปล่าราดตัวให้เปียกก่อน เจือจางแชมพูกับน้ำสะอาดเล็กน้อยก่อนราดลงบนตัวสุนัข ไม่ควรเอาแชมพูสุนัขเข้มข้นราดหลังสุนัขโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณนั้นได้
ไม่ควรใช้เล็บเกาผิวหนังสุนัขแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังสุนัขได้ ควรใช้วิธีนวดคลึงผิวหนังสุนัขแทนหรืออาจใช้แปรงอาบน้ำที่ทำจากยางนวดเบา ๆ ก็ได้
น้ำที่ใช้อาบสุนัขนั้นควรใช้น้ำอุ่นยกเว้นสุนัขที่มีปัญหาภูมิแพ้ควรอาบด้วย น้ำเย็นแทน เพราะถ้าอาบน้ำอุ่นจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น สุนัขก็จะคันมากขึ้นด้วย
หลังจากฟอกด้วยแชมพูแล้ว ควรล้างน้ำออกโดยใช้เวลาอย่างน้อย 5 นาที เพื่อลดโอกาสที่จะระคายเคืองจากการล้างแชมพูออกไม่หมดและให้ผิวได้รับน้ำ เพียงพอ
เมื่ออาบน้ำเสร็จ ควรเช็ดตัว หรือเป่าให้แห้งทุกครั้ง ไม่ควรเป่าไดร์ด้วยลมร้อนเกินไป โดยเฉพาะสุนัขที่มีปัญหาผิวหนังควรใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดให้แห้งหรือใช้ลมเย็น เป่าเท่านั้น
ในกรณีที่มีปัญหาโรคผิวหนังโดยมากจะแนะนำให้ใช้แชมพูที่สุนัขเคยใช้เป็น ประจำที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้อาบก่อน เพื่อล้างคราบสกปรกและฝุ่นที่ติดตามขนออกก่อนแล้วล้างออก จากนั้นจึงใช้แชมพูยาที่สัตวแพทย์แนะนำ โดยฟอกทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ให้แชมพูยาออกฤทธิ์ก่อน หลังจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้เกลี้ยง และเช็ดตัวเป่าขนให้แห้ง
โดยปกติแล้ว ควรอาบน้ำสุนัขทุก 1-2 สัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากการอาบน้ำด้วยแชมพูสุนัขจะมีผลในการชะไขมันที่ร่างกายสุนัขสร้าง ขึ้นมาเคลือบผิวหนังและเส้นขน การอาบน้ำบ่อยเกินไปมีผลทำให้ผิวและเส้นขนแห้ง ขาดความเงางาม และอาจทำให้สุนัขมีอาการคันได้ ถ้าจำเป็นต้องอาบน้ำบ่อย ๆ ควรเลือกแชมพูที่เป็นแบบ soap-free เพราะสารทำความสะอาดในตัวสบู่จะเป็นตัวกำจัดไขมันออกไป ทำให้ผิวหนังแห้งได้
ในกรณีที่สุนัขมีปัญหาสะเก็ดรังแคและผิวมันเยิ้ม อาจอาบน้ำได้บ่อยขึ้น เป็นทุก ๆ 3-4 วัน ในช่วงแรกร่วมกับการใช้แชมพูยาเพื่อลดรังแคและความมัน เมื่อผิวมันลดลงแล้วก็ปรับมาอาบน้ำทุก 1-2 สัปดาห์แทน
แชมพูแบบใดจึงจะเหมาะกับผิวของสุนัข
หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูสระผมของคนมาอาบน้ำให้สุนัข เนื่องจากค่าความเป็นกรดด่างของผิวหนังคนกับสุนัขมีค่าไม่เท่ากัน การใช้แชมพูคนในช่วงแรก เจ้าของอาจไม่รู้สึกว่าผิวหนังสุนัขมีปัญหา แต่เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก็จะทำให้ผิวหนังสุนัขขาดความสมดุล และโครงสร้างผิวหนังเสียหาย ก่อให้เกิดโรคผิวหนังตามมาได้
การเลือกแชมพูสำหรับสุนัขโดยทั่วไป โดยเฉพาะในลูกสุนัขหรือสุนัขที่ผิวบอบบาง มีโอกาสแพ้ง่ายอย่างในสุนัขพันธุ์ปั๊ก ให้เลือกสูตรอ่อนโยนที่มีโอกาสก่อให้เกิดความระคายเคืองน้อย (โดยมากมักเขียนที่ข้างขวดว่า Hypoallergenic) และเป็นแชมพูที่ผสมมอยซ์เจอร์ไรเซอร์สูงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง
หลีกเลี่ยงการใช้แชมพูที่ผสมยากำจัดเห็บหมัดในลูกสุนัขและสุนัขที่สุขภาพ อ่อนแอ เนื่องจากมีโอกาสเกิดความเป็นพิษได้ ส่วนสุนัขที่มีปัญหากลิ่นตัวจากโรคผิวหนังนั้นให้เลือกแชมพูสูตรที่ลดการแพ้ ร่วมกับการใช้แชมพูยาที่สัตวแพทย์เลือกให้
วิธีการอาบน้ำสุนัข
เริ่มจากการใช้น้ำเปล่าราดตัวให้เปียกก่อน เจือจางแชมพูกับน้ำสะอาดเล็กน้อยก่อนราดลงบนตัวสุนัข ไม่ควรเอาแชมพูสุนัขเข้มข้นราดหลังสุนัขโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังบริเวณนั้นได้
ไม่ควรใช้เล็บเกาผิวหนังสุนัขแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังสุนัขได้ ควรใช้วิธีนวดคลึงผิวหนังสุนัขแทนหรืออาจใช้แปรงอาบน้ำที่ทำจากยางนวดเบา ๆ ก็ได้
น้ำที่ใช้อาบสุนัขนั้นควรใช้น้ำอุ่นยกเว้นสุนัขที่มีปัญหาภูมิแพ้ควรอาบด้วย น้ำเย็นแทน เพราะถ้าอาบน้ำอุ่นจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้น สุนัขก็จะคันมากขึ้นด้วย
หลังจากฟอกด้วยแชมพูแล้ว ควรล้างน้ำออกโดยใช้เวลาอย่างน้อย 5 นาที เพื่อลดโอกาสที่จะระคายเคืองจากการล้างแชมพูออกไม่หมดและให้ผิวได้รับน้ำ เพียงพอ
เมื่ออาบน้ำเสร็จ ควรเช็ดตัว หรือเป่าให้แห้งทุกครั้ง ไม่ควรเป่าไดร์ด้วยลมร้อนเกินไป โดยเฉพาะสุนัขที่มีปัญหาผิวหนังควรใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดให้แห้งหรือใช้ลมเย็น เป่าเท่านั้น
ในกรณีที่มีปัญหาโรคผิวหนังโดยมากจะแนะนำให้ใช้แชมพูที่สุนัขเคยใช้เป็น ประจำที่ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้อาบก่อน เพื่อล้างคราบสกปรกและฝุ่นที่ติดตามขนออกก่อนแล้วล้างออก จากนั้นจึงใช้แชมพูยาที่สัตวแพทย์แนะนำ โดยฟอกทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ให้แชมพูยาออกฤทธิ์ก่อน หลังจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดให้เกลี้ยง และเช็ดตัวเป่าขนให้แห้ง
แหล่งข้อมูลที่มา กระปุกดอทคอม
โดย สพ.ญ.พรวดี ยังสุขสถาพร (Dogazine)
โดย สพ.ญ.พรวดี ยังสุขสถาพร (Dogazine)
No comments:
Post a Comment